ปธ.สอบคดี’บอส’ที่ก.อ.มีมติกลับ ชี้พิจารณาตามกฎหมาย เป็นคดีรถชนธรรมดา แต่เรื่องใหญ่เพราะนามสกุล

‘กายสิทธิ์’เปิดใจหลังชงวินัยไม่ร้ายเเรง ‘เนตร นาคสุข’เเต่ถูกมติ ก.อ.กลับ ชี้พิจารณาตามข้อกฎหมายเป็นคดีรถชนธรรมดาเเต่เพราะเป็น’อยู่วิทยา’เลยเป็นเรื่องใหญ่ หวั่นอัยการทำคดีเสียขวัญ พร้อมหากป.ป.ช.เรียกให้การ

ตามที่มติคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.)มีมติให้ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังขับรถชนคนตาย หลังก.อ.มีมติเห็นว่านายเนตรขาดความรอบคอบ ประมาทเลินเล่ออย่างค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป โดนวินัยร้ายแรงมีโทษทางข้าราชการ โทษสูงสุดคือการไล่ออก นั้น

อ่าน‘ธนพิชญ์’ ลั่นนั่ง ปธ.สอบวินัยร้ายแรง ‘เนตร’ ทำตาม กม. ให้ใครแทรกแซงไม่ได้ จ่อตั้งคณะทำงาน

ก.อ.มติเอกฉันท์ตั้งสอบวินัยร้ายแรง ‘เนตร‘ รอง อสส.สั่งไม่ฟ้อง ‘บอส วรยุทธ‘ ตั้ง ‘ธนพิชญ์‘ ปธ.สอบ โทษสูงสุดไล่ออกจากราชการ

Advertisement

นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ กรรมการอัยการ ซึ่งเป็นอดีตประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น นายเนตร นาคสุข กรณีสั่งไม่ฟ้อง นาย วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ได้เปิดเผยว่า คณะทำงานของตนมีความเห็นในครั้งแรก ว่า นายเนตรผิดวินัยไม่ร้ายแรง เพราะว่าเห็นว่าคดีนี้ แม้สั่งไม่ฟ้องแต่คดียังไม่เสร็จเด็ดขาด ยังสามารถยื่นฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นจำเลยต่อศาลได้อยู่ดีมันยังแก้ไขได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงบรรยากาศการประชุม ก.อ.เป็นอย่างไรนาย กายสิทธิ์ตอบว่า พอนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ ตนได้เดินออกจากที่ประชุม เพราะมีส่วนได้เสีย และกรรมการอัยการทั้ง 9 คน มีมติเอกฉันท์ให้เป็นผิดวินัยร้ายแรง โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการมาตรา 85 คือมองว่าเป็นการกระทำโดยประมาท ที่ทำให้สำนักงานอัยการสูงสุดเสียหายร้ายแรง และเกิดผลกระทบต่อองค์กร มีผลตอบกลับเกิดขึ้นติดตามมามากมาย เรื่องนี้คณะกรรมการอัยการได้โต้เถียงกันมาก

นายกายสิทธิ์กล่าวต่อว่า เเต่เมื่อครั้งที่ตอนพิจารณาเรื่องนี้อยู่นั้น มันไม่พบหลักฐานการทุจริต แต่เป็นการกระทำโดยไม่รอบคอบไม่ถี่ถ้วนเพราะ แม้อัยการจะมีดุลพินิจเป็นอิสระ แต่ก็ต้องตรวจดูสำนวนให้ครบทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นายเนตรดูไม่ครบถ้วนทั้งหน้าทั้งหลัง และนายเนตรก็มาให้การยืนยันว่า สั่งไปตามที่เขาเชื่อซึ่งในความเห็นส่วนตัวของตนเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีขับรถชนคนตายธรรมดา พอดีนามสกุลของผู้ต้องหาเป็นนามสกุล”อยู่วิทยา” มันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ ในส่วนตนจะไม่มองว่า คดีขับรถชนคนตายจะต้องเป็นคดีที่มีความพิเศษอย่างไร แต่ตนจะมองที่พยานหลักฐานและข้อกฎหมายแต่เมื่อที่ประชุมก.อ.มองเห็นต่างไปจากตน ก็เป็นเรื่องของนักกฎหมายมองเห็น ต่างกัน เราไม่ว่ากัน และยอมรับในมติของ ก.อ.

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อองค์กรอัยการหรือไม่ นายกายสิทธิ์เปิดเผยว่า ก็มีกระแสความคิดจากน้องๆอัยการว่า เมื่อคณะกรรมการอัยการมีความเห็นว่า อัยการคนหนึ่งสั่งคดีโดยประมาท สั่งคดีผิดพลาด จะมีผลไปถึงต้องถูกสอบวินัยร้ายแรงทุกคน มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานต่อไปนี้ หากอัยการคนไหน ลืมสั่งริบของกลาง หรือลืมฝากขัง หรือทำคดีขาดฟ้อง ทำคดีขาดอายุความ ก็จะถูกลงโทษวินัยร้ายแรงกันไปหมด น้องๆอัยการก็จะกลัว นักรบ(อัยการ)ทั่วประเทศจะผวา ต่อไปอัยการที่ดูแลคดีอาญา ก็จะหนีไปอยู่สำนักงานอื่นๆ ที่ไม่ต้องรับผิดชอบ คือหนีกันไปหมด ตนเห็นว่า อัยการจะสั่งคดีตามกระแสไม่ได้ ต้องมีหลัก ซึ่งเรื่องนี้ตนจะนำไปหารือนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุดคนใหม่เพื่อหาทางแก้ไข ไม่เช่นนั้น สถาบันอัยการจะปั่นป่วนไปหมด มันมีผลต่อขวัญและกำลังใจของอัยการ

“เมื่อวานนี้ในที่ประชุม นายวงศ์สกุลกิตติพรหมวงศ์ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับกรณีของนายเนตรเลย และท่านได้งดออกเสียง และก็ได้ยื่นใบลาออกจากอาวุโสไปแล้วมีผลวันที่ 1 ตุลาคม”นายกายสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามต่อว่าวันหน้าท่านจะต้องไปให้การกับคณะกรรมการปปช.หรือไม่ นายกายสิทธิ์ตอบว่า คดีของนายเนตรในชั้นป.ป.ช.อยู่ระหว่างการสอบสวนยังไม่ชี้มูลความผิดซึ่งเขาสามารถเรียกเอาเอกสารของตนไปประกอบการพิจารณาได้ เขายังไม่เรียกตนเข้าไปให้การ ถ้าเรียกตนก็พร้อมแต่คงจะเรียกแค่เอกสารมากกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image