ตร.เร่งพิสูจน์เหยื่อหนุ่มคอสเพลย์อวตาร รู้ตัวแล้ว 10 ราย เร่งสอบอีก 30 เจอเพิ่มเหยื่อพยายามฆ่าตัวตาย

ผบก.ปคม. เร่งพิสูจน์ทราบตัวเหยื่อหนุ่มคอสเพลย์อวตารหื่น ฝาก ผปค.ดูแลบุตรหลาน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 มิถุนายน ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. กล่าวถึงการฝากขัง นายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีสร้างบัญชีแอคเคาท์สื่อออนไลน์ปลอม หรืออวตาร ล่อลวงเด็กสาวหลายรายให้ถ่ายภาพโป๊ ก่อนแอบบันทึกเก็บไว้ข่มขู่แบล็คเมล์ให้ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 2.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.ยุยงส่งเสริมเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน

พล.ต.ต.วิวัฒน์กล่าวอีกว่า ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว แต่ทางผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีหลักทรัพย์เป็นเงิน 50,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้ติดกำไล EM ตลอดเวลา, ห้ามใช้คอมพิวเตอร์และสื่อสังคมออนไลน์ และห้ามติดต่อกับผู้เสียหายในทุกกรณี และให้ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาพยานหลักฐานหากมีข้อสงสัยได้ตลอดเวลา และหากผู้ต้องหากระทำการผิดเงื่อนไขการประกันตัวศาลจะเพิกถอนการประกันตัวทันที

ส่วนการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอย่างละเอียด ทำให้ตำรวจพบข้อมูลหญิงสาวตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก แต่ในจำนวนนี้สามารถพิสูจน์ตัวบุคคลได้แล้ว 10 ราย และอีก 30 ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังพบคลิปหญิงสาวที่ถูกบังคับอีก 2 คลิป ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายพยายามฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์ที่ถูกบังคับให้ถ่ายคลิปดังกล่าว

Advertisement

“สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่กระทำกับเหยื่อมี 3 ขั้นตอน เริ่มจากการหาเหยื่อทางทวิตเตอร์ โดยเลือกเหยื่อที่แต่งชุดคอสเพลย์และมีรูปร่างหน้าตาน่ารัก จากนั้นจะสร้างความไว้วางใจโดยเข้าไปพูดคุยกับเหยื่อ โน้มน้าวให้เหยื่อหลงเชื่อและไว้วางใจ ก่อนขอข้อมูลโซเชียลมีเดียส่วนตัว จากนั้นจะวิดีโอคอลพูดคุยและขอให้เหยื่อเปลือยกายและบันทึกคลิปการสนทนานั้นไว้เพื่อใช้แบล็คเมล์เหยื่อภายหลัง และบังคับให้เหยื่อทำตามคำสั่งและข่มขู่ หากไม่ทำตามจะนำคลิปไปเผยแพร่ต่อ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหายังไม่พบว่ามีการส่งต่อไปให้บุคคลอื่นในเชิงการค้า จึงยังไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์” พล.ต.ต.วิวัฒน์กล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.สุรพงษ์กล่าวว่า ขอฝากถึงผู้ปกครองให้สอดส่องดูแลการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของบุตรหลาน เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมจำนวนมากทั้งชายและหญิง และมีอัตราส่วนเป็นผู้ชายมากขึ้น โดยกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ชอบใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต่อก โดยเฉพาะกลุ่มเต้นเซ็กซี่และยั่วยวน ซึ่งมีคนดูจำนวนมาก และในจำนวนนี้มักมีคนร้ายแฝงตัวอยู่ด้วย ดังนั้นการพูดคุยกับคนแปลกหน้าผู้ปกครองต้องสังเกตและดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และต้องสังเกตพฤติกรรมการใช้เงินของบุตรหลานด้วย เพราะส่วนใหญ่กลุ่มคนร้ายมักใช้เงินเป็นเหยื่อล่อให้เด็กและเยาวชนหลงผิด

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image