สั่งย้ายครูสาว ตีหลังเด็ก 5 ขวบจนบวมเขียวเข้ากรุ พ่อเด็กแจ้งความเอาผิดแล้ว

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีผู้ปกครอง ร้องครูสาวโรงเรียนวัดคลองใหญ่ ตีลูกชาย วัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3 จนแผ่นหลังช้ำบวมเขียว ล่าสุด นายธนพงศ์พันธ์ ฤทธิชนะสิทธิ์ อายุ 38 ปี พ่อเด็กได้เดินทางไปเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ป่าพะยอม เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวศิรินทิพย์ เพ็งสง อายุ 33 ปี หรือครูทราย ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ในขณะที่ น.ส.จิตรลดา ทองคำ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) พัทลุงเขต 1 เดินทางไปยังโรงเรียนวัดคลองใหญ่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประชุมหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับทางโรงเรียน โดยมีตัวแทนของทางอำเภอป่าพะยอม และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบ้านพักเด็กและเยาวชนเข้าร่วมในการประชุมร่วมแก้ปัญหาในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้จากการสอบถามเพื่อนครูในโรงเรียนเบื้องต้น พบว่า ครูทรายไม่ได้มาโรงเรียน เธอได้ลากิจตั้งแต่วันหลังเกิดเหตุ

อ่าน พ่อแม่ร้อง ครูสาวตีหลังลูกชาย 5 ขวบ จนบวมเขียว จี้ ร.ร.ตั้งกรรมการสอบ หวั่นเรื่องเงียบ

น.ส.จิตรลดากล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังได้รับรายงานจากทางโรงเรียน ก็ได้มีการสั่งย้ายครูสาวคนดังกล่าวไปช่วยราชการที่เขตพื้นที่ฯ เพื่อลดความขัดแย้ง และความกังวลของผู้ปกครอง และนักเรียนคนอื่นๆในโรงเรียน สำหรับเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ในความเป็นจริงแล้วทาง สนง.เขตพื้นที่ได้มีการเน้นย้ำไปยังโรงเรียนในสังกัด ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับเด็กอยู่แล้ว ในส่วนกรณีดังกล่าว ทางสำนักงานเขตได้มีการสอบสวนเรื่องวินัยกับครูสาวคนก่อเหตุด้วย ส่วนเรื่องคดีที่ผู้ปกครองของเด็กประสงค์เข้าแจ้งความดำเนินคดีก็เป็นสิทธิของทางครอบครัว ในขณะล่าสุดบ้านเด็กและเยาวชนจังหวัดพัทลุง ได้ส่งนักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยดูแลสภาพจิตใจของน้องพีทแล้ว ทั้งนี้เพื่อประเมินอาการความกังวลของน้องพีทในเบื้องต้น หากน้องมีอาการน่าเป็นห่วงก็จะส่งเข้ารับการฟื้นฟูสภาพจิตใจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงต่อไป

ด้านนายภัสกร นุ่นปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดคลองใหญ่ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้ตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมมีการประชุมครูภายในโรงเรียนเพื่อเน้นย้ำไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก และหลังจากนี้ทางโรงเรียนจะได้ลงไปเยี่ยมบ้านเด็กนักเรียนเพื่อทำความเข้าใจและแสดงความขอโทษกับผู้ปกครองของเด็กอีกครั้ง ในส่วนของสภาพจิตใจของเด็กทางโรงเรียนได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและเยาวชนเข้าดูแลสภาพจิตใจของเด็กอีกครั้ง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image