ความคืบหน้ากรณี พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.ศฝร.บช.น. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ทุจริตการสอบนายสิบตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ สน.พหลโยธิน โดยให้ดำเนินคดีนายจิระพจน์ พลายด้วง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน ตัวการในขบวนการ 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาอั้งยี่ที่มีการรวมตัวกันกระทำผิดทางอาญา แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) กรอกข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 346 ราย และพบว่าน่าจะมีบุคคลเข้าข่ายกระทำผิดอีก 178 ราย
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มกราคม ที่ สน.พหลโยธิน นายจิระพจน์ พลายด้วง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน พร้อมทนาย เดินทางเข้ามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.อุเทน และ พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน ร่วมสอบปากคำ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ ใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นนายจิระพจน์รับสารภาพว่าดำเนินการเพียงคนเดียว สำหรับรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ขั้นตอนต่อจากนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งศาลต่อไป เบื้องต้นคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวกระทบต่อปัญหาสังคม หากต้องการประกันตัวต้องประกันในชั้นศาล และเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ขณะนี้ไม่อยากระบุตัวเลขหรือบุคคลว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะข้อมูลเหล่านี้จะต้องรอพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดเสียก่อน ยืนยันจะทำเรื่องดังกล่าวให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่าเชื่อมโยงไปถึงใครจะดำเนินคดีทั้งหมด และต้องไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะการสอบนั้นจะมีอยู่ในทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงต้องทำลายขบวนการทุจริตให้หมดสิ้นเพราะเป็นการเอาเปรียบคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เบื้องต้นทางการสืบสวนเชื่อว่าการทุจริตดังกล่าวน่าจะเชื่อมโยงกับการสอบของหน่วยงานอื่นๆ เช่นกัน และหากพบจะต้องดำเนินคดีทันที
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า นายจิระพจน์อ้างว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวแต่มีหลายกลุ่มที่ทำในลักษณะเดียวกัน ทำมาประมาณ 1 ปี ได้เงินต่อรายประมาณ 300,000-400,000 บาท และที่เลือกกระทำการเนื่องจากทำงานอยู่ย่านปทุมวัน เป็นย่านที่มีนักเรียนไปติวหนังสือเพื่อเข้าสอบนายสิบจำนวนมาก จึงไปทำความรู้จักและเสนอตัวด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลที่นายจิระพจน์ให้มายังต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง ทั้งนี้ ที่มีกระแสข่าวว่ากรณีดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบตำรวจนายสิบในพื้นที่ บช.ภ.7 นั้น ขอยังไม่เปิดเผย
ด้าน พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า ขณะนี้สอบปากคำไปทั้งหมด 12 ปากแล้ว กรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 50 รายนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัด ส่วนใหญ่ที่เรียกมาสอบนั้นเป็นผู้ที่อยู่ในห้องสอบ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีผู้กระทำความผิด 300 กว่าคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิระพจน์เดินทางมาให้ปากคำ โดยสวมหมวก และมีผ้าคาดปิดบังใบหน้า ขณะเดียวกันมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักเฝ้ารอทำข่าวจำนวนมาก โดยนายจิระพจน์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ ระหว่างพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายจิระพจน์นั้น พบว่ามีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนพบพฤติกรรมความเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการทุจริตการสอบนายสิบในครั้งนี้ว่ามีนายจิระพจน์เป็นตัวการ โดยจะติดต่อกลุ่มนักเรียนที่มีผลการเรียนดีตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ อ้างว่าให้มาติวให้กับผู้ที่ต้องการจะสอบบรรจุเข้ารับราชการ แต่เมื่อถึงเวลากลับให้ทำหน้าที่เป็นมือปืนรับจ้าง เข้าสอบเพื่อเฉลยคำตอบ ได้ค่าตอบแทนครั้งละ 5,000-20,000 บาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรายชื่อกลุ่มมือปืนรับจ้างทั้ง 51 ราย ที่แนวทางการสืบสวนเชื่อว่าอยู่ในขบวนการทุจริตสอบดังกล่าว ก็ไปปรากฏชื่อในสนามสอบต่างๆ ที่หน่วยงานรัฐเปิดขึ้น เช่น การสอบบรรจุเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์, จ่าอากาศ, นักเรียนนายสิบ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นการสอบบรรจุโดยใช้วุฒิการศึกษาระดับชั้น ม.6
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. กล่าวว่า ตำรวจสอบปากคำ นายจิระพจน์ อย่างละเอียด โดยคาดว่าจะใช้เวลาตลอดทั้งคืนนี้ในการสอบปากคำ ทั้งนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะออกหมายเรียกหรือหมายจับกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และคำให้การของนายจิระพจน์ และจะนำตัวนายจิระพจน์ ชี้จุดตามคำรับสารภาพ ก่อนจะนำตัวฝากขังศาลต่อไป
