ผบช.ภ.2 เผยพ่อตำรวจแก๊งวัยรุ่นโหด ฆ่าป้าบัวผัน เป็น ‘ตำรวจน้ำดี’ ยันไม่ได้ช่วยใคร
จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.บัวผัน (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี หญิงสติไม่ดี ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น 5 คน โดยในจำนวนนี้มีลูกของตำรวจสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ฆ่าทิ้งสระน้ำข้างโรงเรียนใน จ.สระแก้ว แต่ต่อมาตำรวจกลับจับแพะ คือนายปัญญา คงแสนคำ อายุ 54 ปี หรือลุงเปี๊ยก สามีผู้ตาย และส่งเข้าเรือนจำ ภายหลังเรื่องแดงจึงทำหนังสือขอปล่อยตัวออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ ได้โทรศัพท์สอบถามกับ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก. สภ.อรัญประเทศ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี ได้ความว่า ขณะนี้นายปัญญา หรือ ‘ลุงเปี๊ยก’ อยู่ในความดูแลของญาติที่ ต.คลองน้ำใส จ.สระเเก้ว โดยไม่มีตำรวจอยู่ดูแล แต่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเหตุใดจึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาและทำให้นายปัญญารับสารภาพ โดยไทม์ไลน์การเกิดเหตุ ตำรวจรับแจ้งเหตุเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายปัญญาเป็นผู้พาตำรวจไปชี้จุดเกิดเหตุด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพบว่ามีคราบเลือดบนขากางเกงของนายปัญญา แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเลือดของใคร กองพิสูจน์จึงต้องส่งตรวจดีเอ็นเอ
แต่เมื่อแพทย์ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพ พบว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชั่วโมง เท่ากับว่าเสียชีวิตราววันที่ 11 ม.ค.และเมื่อไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิด ก็ไม่พบว่าลุงเปี๊ยกอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น จึงย้อนภาพไปในวันที่ 10 ม.ค.พบว่าเหตุการณ์เป็นคนละเรื่อง คือกลุ่มเยาวชนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง ซึ่งขณะนั้นตำรวจได้ขออำนาจศาลฝากขังนายปัญญาไปแล้ว จึงต้องรีบทำเรื่องปล่อยตัว และเร่งนำตัวเยาวชน 5 คนมาสอบปากคำพร้อมยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
พ.ต.อ.พิเชษฐ์กล่าวอีกว่า หลังการปล่อยตัวนายปัญญา วานนี้ก็ได้สอบปากคำเด็กร่วมกับสหวิชาชีพ ก่อนนำตัวไปขอหมายขังที่ศาลเด็กและเยาวชนและสั่งค้านประกันตัว แต่วานนี้มีผู้โทรศัพท์สอบถามเข้ามาเยอะมากทำให้ตนไม่ได้รับสายใคร ทั้งยังไปร่วมงานศพของ น.ส.บัวผันเอง และยืนยันว่าตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดและตัวผู้ต้องหาก่อนจะเป็นข่าว แต่พอมีสื่อช่องหนึ่งปั่นกระแสว่าเป็นการปกป้องลูกตำรวจนั้น ตนยังไม่ทราบเลยว่าผู้ต้องหาเป็นลูกตำรวจด้วย
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่สงสัยว่ามีใครวางบทให้นายปัญญาพูดหรือไม่ เพราะคนในพื้นที่ต่างพูดเหมือนกันว่านายปัญญามักเมาสุราและเคยทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองจริง แต่พอตำรวจซักถาม เจ้าตัวอาจรู้สึกกดดันและให้การวกไปวนมาจนยอมรับสารภาพเองในขณะนั้น แต่ไม่มีใครไปชี้นำให้เจ้าตัวพูด ไม่เกี่ยวข้องว่าพ่อของผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ และแม้จะเป็นเช่นนั้นก็จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
ด้าน พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ยืนยันว่าไม่เข้าข้างตำรวจด้วยกันเอง ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ส่วนพ่อของเยาวชนไม่รู้เรื่องในช่วงที่เยาวชนไปก่อเหตุ จากการสอบถามตำรวจด้วยกันทราบว่าตำรวจที่เป็นพ่อของเยาวชนผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจน้ำดี