เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 20 เมษายน ที่ศาลอาญา ถ.รนนชดาภิเษก ร.ต.อ.ตรีเพชร สมน้อย พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม. ควบคุมตัว น.ส.ปวีณ์สุดา หรือแก้ม ขันซาทะ อายุ 20 ปี และนายธนพัตร หรือเจ๊บีม แสนคำ อายุ 31 ปี ลักษณะคล้ายผู้หญิง ชาว จ.สุพรรณบุรี และผู้ต้องหาร่วมกันค้ามนุษย์และเป็นผู้รับจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ค้าประเวณี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน- 1 พฤษภาคม เนื่องจากยังต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องอีก 7 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสองจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองด้วย เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวเกรงจะหลบหนี และอาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 เวลา 17.00 น. เศษ ด.ญ.ผู้เสียหายอายุ 14 ปี ออกมาจากบ้านพักเพื่อร่วมกิจกรรมแปรอักษรที่หน้าโรงเรียนใน จ.สุพรรณบุรี แต่มาช้ากว่ากำหนดจึงไม่ได้ร่วมกิจกรรม จากนั้นผู้เสียหายกับกลุ่มเพื่อนพากันไปที่ตลาดด่านช้าง เพื่อนของผู้เสียหายได้ชักชวนกันไปนั่งคุยหลังร้านเกมที่มีกลุ่มวัยรุ่นชายนั่งอยู่หลายคน กระทั่งเวลา 21.00 น. ผู้เสียหายมีอาการมึนเมาสุรา ขณะนั้นนายธนวัฒน์ หรือเต้ย คำแหงคุมพล กับพวกรวม 2 คน บอกว่าจะพาไปส่งบ้าน เนื่องจากผู้เสียหายอ้างว่าไม่มีเงินกลับบ้าน แต่ระหว่างทางได้ขี่รถจักรยานยนต์พาวนไปบริเวณป่าร้าง แล้วนายธนวัฒน์กับพวกได้รุมกระทำชำเราผู้เสียหาย ลักษณะเป็นการโทรมหญิงจนสำเร็จความใคร่ กระทั่งเวลา 01.00 น. ของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 นายธนวัฒน์ได้หลอกผู้เสียหายจนหลงเชื่อว่า เพื่อนของผู้เสียหายรออยู่ที่ร้านเกม เพื่อจะไปส่งกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงร้านเกมซึ่งขณะนั้นปิดบริการแล้ว ผู้เสียหายถูกกลุ่มวัยรุ่น3คน ข่มขืนกระทำชำเราอีก โดยนายธนวัฒน์ยังได้หลอกผู้เสียหายอีกว่า เพื่อนของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งอยู่ที่บ้านของนายประมวล หรือไก่ ขันซาทะ ที่มีหน้าที่ดูแลร้านเกม จึงจะพาผู้เสียหายไปส่งที่บ้านนายประมวล เพราะไปส่งที่บ้านของผู้เสียหายไม่ไหว เนื่องจากดึกแล้วและทางเปลี่ยว ผู้เสียหายจึงต้องยอมตามนั้น โดยไปนอนค้างคืนที่ห้องนายประมวลที่มี น.ส.ปวีณ์สุดา ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นน้องสาวของนายประมวล และยังมีเพื่อนของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งนอนอยู่ในห้องนั้นด้วย
กระทั่งเวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาที่ 1 กับเพื่อนของผู้เสียหายได้ชักชวนผู้เสียหายและเพื่อนอีกคนหนึ่งไปนั่งดื่มสุรากันอีกที่หาดทราย อ.ด่านช้าง แล้วในเวลา 16.00 น. ได้พากันกลับมาที่บ้านของนายประมวล ระหว่างอยู่ที่บ้าน นายประมวลได้หยอกล้อเล่นกับผู้เสียหายแล้วพากันไปมีเพศสัมพันธ์ในห้องนอน จากนั้นเวลา 19.00น. ขณะที่ผู้เสียหายบอกกับเพื่อนและผู้ต้องหาที่ 1 ว่าอยากกลับบ้านพักแล้ว แต่ถูกผู้ต้องหาที่ 1 ชักชวนให้ไปขายบริการ จะได้เงินตอบแทน 1,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 ได้โทรศัพท์คุยกับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเอเยนต์หาเด็กขายบริการเพื่อนัดหมายกัน ก่อนจะพาผู้เสียหายไปพบลูกค้าชายไทยอายุ 40-50 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.ด่านช้าง โดยลูกค้าคนดังกล่าวยังให้เงินเป็นค่าทิปพิเศษกับผู้เสียหายอีก 300 บาท หลังเกิดเหตุแล้วนายประมวลได้โทรศัพท์หาผู้ต้องหาที่1 ให้รีบนำผู้เสียหายไปส่งที่บ้าน เนื่องจากทราบว่ามารดาของผู้เสียหายไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ด่านช้าง ให้ติดตามหาตัว หลังหายออกจากบ้านไปเกือบ2วัน
โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ได้นำหมายจับศาลอาญาเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ก่อนแจ้งข้อหาดำเนินคดีฐานร่วมกันค้ามนุษย์กับบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ด้วยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก, ร่วมกันเป็นธุระ จัดหา เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นโดยการจัดหาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร แม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดนั้น ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 52 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 283, 283 ทวิ, 284 เหตุเกิดที่โรงแรมใน ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ โดยในวันนี้ไม่มีญาติยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุม น.ส.ปวีณ์สุดา ผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนนายธนพัตร ผู้ต้องหาที่ 2 ไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ