‘สช.’ ฮึ่ม เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังเพจดังแฉอาหารกลางวัน น.ร.เอกชน ได้ข้าวกับไส้กรอก หากผิดพร้อมลงโทษตาม กม.
กรณีเพจ “หมายจับกับบรรจง” ได้โพสต์ภาพอาหารกลางวันของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเขตดอนเมือง ที่จ่ายค่าเทอมละ 30,000 บาท แต่ลูกกลับได้กินเมนูเดิมๆ เช่น ข้าวเปล่ากับไส้กรอก นักเก็ต ซึ่งให้น้อยไม่พอ รสชาติก็ไม่อร่อย พอกินไม่หมดครูก็ด่า ทำให้เด็กไม่กล้าขอเพิ่ม ขณะที่ผู้ปกครองบางคนถึงกับต้องทำข้าวกล่องให้ลูกๆ เพื่อแก้ปัญหานั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม เพจดังแฉ ‘อาหารกลางวัน’ ร.ร.เอกชนดังดอนเมือง เทอม 3 หมื่น กินข้าวเปล่ากับไส้กรอก
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า เบื้องต้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้รับรายงานจากโรงเรียแล้ว ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ ไม่ได้รับเงินอุดหนุนอาหารกลางวันจากภาครัฐ แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ปกครอง เทอมละ 3,000 บาท ตกวันละ 30 บาทต่อวัน
นายมณฑลกล่าวต่อว่า จากที่โรงเรียนรายงานมา โรงเรียนจะติดประกาศว่าแต่ละสัปดาห์จะมีเมนูอาหารกลางวันอะไรให้นักเรียนบ้าง โดยจะมีทั้ง เมนูแกงจืด เมนูทอด ผลไม้ให้นักเรียนครบถ้วน แต่นักเรียนบางคนอาจจะเลือกกินในสิ่งที่ตนชอบ จึงไม่ได้ตักอาหารที่โรงเรียนเตรียมไว้ให้ครบ จึงมีภาพข้าวกับนัตเก็ต ข้าวกับไส้กรอก เป็นต้น ส่วนการตรวจสอบคุณภาพอาหาร ทางโรงเรียนยืนยันว่า จัดอาหารครบห้าหมู่ และถูกสุขลักษณะ เพราะมีครูโภชนาการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา และมีสำนักงานเขตดอนเมืองไปตรวจสอบคุณภาพอาหารกลางวันอยู่ตลอด
“อย่างไรก็ตาม สช.จะทำความเข้าใจ และกำชับกับโรงเรียน ให้รับฟังเสียงสะท้อนเรื่องอาหารกลางวันจากผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความไว้ใจ ผมคิดว่าเรื่องนี้ ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะโรงเรียนจะต้องให้บริการกับผู้ปกครอง ยิ่งเป็นโรงเรียนเอกชน ก็จะต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครอง ไม่ใช่นั้นชื่อเสียงของโรงเรียนจะไม่เป็นที่ประทับใจของผู้ปกครอง” นายมณฑลกล่าว
นายมณฑลกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สช.จะลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอาหารอีกครั้งว่า คุณภาพอาหารกลางวันเป็นไปตามที่โรงเรียนรายงานหรือไม่ ส่วนประเด็นที่บอกว่า อาหารซ้ำ และถ้านักเรียนไม่กินข้าวจะถูกครูดุนั้น ตนขอรับเรื่องไว้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง พร้อมกับจะไปแนะนำให้โรงเรียนพูดคุยหาช่องทางรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองเพิ่มเติม หากลงไปตรวจสอบแล้วพบว่าโรงเรียนทำผิด จะสั่งให้ปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน ถ้าโรงเรียนไม่ปรับปรุงตามระยะเวลาที่กำหนด จะดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากโรงเรียนดำเนินการได้มาตรฐานแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของผู้ปกครอง ก็จะแนะนำให้โรงเรียนอย่าเพิ่งปฏิเสธข้อร้องเรียนของผู้ปกครอง แต่ควรรับฟังเพื่อมาปรับปรุงอาหารกลางวันให้ดีขึ้น