หมอเปรมจวกสื่อ “ทำให้เป็นจำเลยสังคม แล้วมารีดเค้น” – ตร.เตรียมเรียก พนง.เทศบาลสอบเพิ่ม

จากกรณี นพ.เปรมศักดิ์  เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น มีกรณีพิพาทกับกลุ่มผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านเพิ่มเติม : ‘หมอเปรม’พบ ตร.เอาผิดนักข่าวละเมิดสิทธิ-ไม่พูดกรณีข่าวฉาว ด้านสื่อเตรียมเเจ้งความกลับ (คลิป))

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นพ.เปรมศักดิ์  เพียยุระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ในหัวข้อ ‘ผมคุกคามสื่อ หรือสื่อคุกคามผม?’  พร้อมภาพ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ สวมชุดปกติขาว ยกมือไหว้สื่อ ที่คาดว่าน่าจะเป็นภาพเมื่อวานนี้ ที่กองทัพสื่อมวลชนไปดักรอเก็บภาพและรอสัมภาษณ์ที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ 

โดยข้อความมีดังนี้…

ผมคุกคามสื่อ หรือว่าสื่อคุกคามผม?

Advertisement

โดย นพ.ดร.เปรมศักดิ์ เพียยุระ
นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่
จังหวัดขอนแก่น

ขอเรียนว่าผมเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะมายาวนาน ผมรู้ดีว่าต้องมีสัมพันธไมตรีและปฏิสัมพันธ์กับสื่ออย่างไร ต้องวางระยะใกล้ ระยะห่างอย่างใด จึงจะเหมาะสม และเคารพในการทำงานของสื่อมวลชนมาตลอด ในฐานะผมเป็นแหล่งข่าว และสื่อนั้นก็ต้องการนำเสนอข่าว เข้าทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัยผมกับพี่น้องสื่อสารมวลชนก็ดำรงความสัมพันธ์กันมาแบบนี้แหละครับ หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องทนกันไป ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดแล้วเป็นผมที่ต้องอดทน หลายครั้งบางทีก็หวานอมขมกลืน แต่มาล่าสุดนี่สุดจะทนจริงๆ เพราะสื่อเล่นงานผมหนล่าสุดนี่ ไม่ต่างไปจากการจับผมแก้ผ้าประจานให้อับอายต่อหน้าธารกำนัล

ดังนั้นต่อมาเมื่อสื่อคณะหนึ่งบุกรุกเข้ามาพบผมในห้องทำงานนายกเทศมนตรี เมืองบ้านไผ่ ก็อยากขอเรียนให้ทราบว่า ในฐานะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับสื่อทุกท่านที่มาหาผมในวันนั้น ผมก็อดที่จะรู้สึกอยากขออุทธรณ์วิงวอนไม่ได้เลยว่า ทุกท่านก็รู้จักกับผมเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่ก็สะดวกทุกช่องทาง ก่อนนำเสนอข่าวเผยแพร่ไปในทางที่เกิดความเสียหายแก่ผม ทำไมจึงไม่มาสอบถามข้อเท็จจริงเสียก่อน แล้วค่อยไปเผยแพร่ให้ครบถ้วนทุกด้าน จึงจะได้ชื่อว่าสื่อได้กระทำตามอาชีวปฏิญาณ

แต่นี่กลับกลายเป็นว่าสื่อมวลชนไปเห็นภาพจากไหนไม่ทราบ ก็ได้นำเสนอภาพและข่าวในทางเสียหายให้กับผมไปก่อนแล้ว จากนั้นจึงค่อยมาตามหาตัว ให้ผมไปแก้ข่าวในภายหลัง กระทำเสมือนให้ผมตกเป็นจำเลยสังคมเสียก่อน แล้วก็ตามมาสอบสวนกดดันรีดเค้น เสมือนว่าเพื่อหวังประจานผม มีคำภาษิตพังเพยกันอันเป็นเรื่องอัปลักษณ์เปรียบเปรยวงการสื่อว่า ”ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์ลง”

อย่างผมดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีทำงานทุ่มเทอุทิศตัวและกายใจเหนื่อยยากให้สม กับที่ประชาชนวางใจเลือกมา ได้รางวัลระดับประเทศนับไม่ถ้วน ส่งข่าวไปไม่เคยได้ลง ถ้าลงก็ต้องซื้อพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ผมมีนโยบายสารพัดที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า สื่อไม่ลงข่าว ก็จะเสาะหาแต่ว่าผมมีเรื่องส่วนตัวซอกไหนมุมไหนเสียหายจะได้ไปขายข่าว เล่นยังกับว่าผมเป็นดารา ต้องไปจับคู่จิ้นกับใครต่อใคร

เดี๋ยวก็คงตามไปทำข่าวว่าเตียงหักหรือยัง หรือมุดไปอยู่ใต้เตียงได้ก็คงทำ เป็นเรื่องไร้แก่นสารไม่มีสาระประโยชน์อันใดต่อสาธารณชนเลย

ผมและบุคคลในแวดวงต่างๆ ทั้ง นักการเมือง ผู้บริหารในคณะรัฐบาล พ่อค้านักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา บุคคลสาธารณะในแวดวงต่างๆ ตลอดจนประชาชนพลเมืองโดยทั่วไปก็ตกอยู่ในสภาพเป็นเบี้ยล่างของสื่อมาตลอด นั่นแหละครับ เพราะท่านมีปากกาในมือ มีสื่อทุกแขนง ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์

ในขณะที่พวกเราไม่ได้มีอะไรจะไปสู้รบปรบมือกับท่านได้ ท่านจึงกลายเป็นอภิสิทธิ์ชน จะกระทำการสิ่งใดก็ได้ตามอำเภอใจของท่าน เพราะท่านรู้ว่ามีแต่คนยอม

มีหลังๆ มานี้ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมขึ้นมาคนหนึ่ง ก็ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนคนไทย ผมก็ว่าในเมื่อมีผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองยืนหยัดไม่ยอมซักคน ผมจะไม่ยอมทนอีกซักรายก็จะเป็นไปไร

และว่าไปแล้วก็ไม่สมควรต้องมีใครจะไปต้องยอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เฉพาะบุคคลสาธารณะ แต่รวมไปถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วไปที่ถูกสื่อข่มเหงรังแกและรังควานกันมา ชั่วนาตาปี

มีแต่คนรักใคร่ปรารถนาดีหวังดีเตือนผมมาว่ารบกับสื่อมีแต่เสียกับเสีย เพราะสื่อท่านมีอาวุธครบมือทั้งปากกา ทั้งกระดาษ ทีวี วิทยุ มัลติมีเดียสารพัด ผมเองคงจะโดนเล่นงานจนงอมพระราม ตายไม่มีฟื้น

เพราะไหนท่านยังจะมีองค์กรสมาคมสื่อที่เก่งกล้าสามารถในทางออกแถลงการณ์ ประณามใครต่อใครไปทุกวงการ ยกเว้นพวกท่านกันเอง เพราะแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน

ส่วนสื่อค่ายไหน คนไหนดี มีจรรยาบรรณอันเคร่งครัด ทำมาหากินด้วยสุจริตโดยอาชีวะปฏิญาณ ท่านก็ไม่ต้องเดือดร้อนนะครับ ผมขอยกย่องสรรเสริญอย่างสุดใจ ผมไม่ได้คิดจะต่อว่าแบบเหมารวมแต่อย่างใด

แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้จะไปรบราฆ่าฟันอะไรกับสื่อ เพียงแต่จะยืนหยัดขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น สิ่งที่ผมทำก็เป็นไปโดยหัวเดียวกระเทียมลีบ หนังสือพิมพ์ผมก็ไม่มี ทีวี วิทยุ สื่ออะไรก็ไม่มี ก็มีแค่ Facebook เหมือนประชาชนคนไทย ชาวบ้านร้านช่องสามัญชนทั่วไปมีกัน ผมก็เลยต้องแถลงมาให้ทราบทางนี้

กับมีกฎหมายเป็นที่พึ่ง เหมือนคนไทยทั่วไปมีกฎหมายเป็นที่พึ่ง ผมก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับทางตำรวจว่าผมโดนสื่อบุกรุกคุกคามกดดัน

ผมก็มีเท่านี้จริงๆ

ชาวบ้านร้านช่อง และบุคคลสาธารณะในแวดวงต่างๆ ทั้ง นักการเมือง ผู้บริหารในคณะรัฐบาล พ่อค้านักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา สารพัดวงการ และพี่น้องประชาชนคนไทยนั้นต่างก็โดนสื่ออภิสิทธิ์ชนคุกคามข่มขู่จับแก้ผ้า ต่อหน้าธารกำนัล ว่าประจานให้อับอายมานักต่อนักแล้ว โดยที่พวกเราก็ทนนิ่งทนเงียบกันมาตลอด เพราะเป็นเบี้ยล่างของสื่อ สู้ไปก็มีแต่ย่อยยับอัปรา

แต่ผมได้สลัดความกลัวนั้นทิ้งไปแล้ว และยืนหยัดขึ้นประกาศให้ทราบชัดกันทั่วกันว่า หมดเวลาที่เราจะหงออยู่ใต้อำนาจอธรรมของสื่อแล้วครับ และได้เวลานับหนึ่งในการปฏิรูปสื่อแล้ว

ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ
นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น”

อย่างไรก็ตาม ใต้ข้อความดังกล่าวได้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นและให้กำลังใจ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นจำนวนมาก

ด้าน พ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กล่าวถึงคดี นพ.เปรมศักดิ์  เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ว่า วันนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนไปที่สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ เพื่อนำพนักงานเทศบาลที่อยู่ในห้องทำงาน นพ.เปรมศักดิ์ ที่อยู่ในเหตุการณ์จับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ถอดกางเกง เพื่อนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มประกอบสำนวน หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความในข้อกล่าวหาใน 2 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับข่มขืนใจ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด คาดว่าในวันจะสามารถตามพยานที่อยู่ในห้องทำงาน มาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนให้แล้วเสร็จในวันนี้

ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ กล่าวต่อว่า คดีนี้มีการแจ้งความทั้งสองฝ่ายทั้งหมอเปรม และ ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความไปแล้วทั้งสองฝ่าย ต้องมีการสืบสวนพยานในคดีของผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ส่วนหมอเปรมศักดิ์เป็นการลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ในคดีของผู้สื่อข่าวเดลินิวส์หลังรับแจ้งความไปแล้วต้องมีการสืบสวนพยานในที่เกิดเหตุด้วย ว่ามีพยานแวดล้อม หรือมีประจักษ์พยาน ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานใดหรือไม่ โดยใช้เวลาสอบสวนไประยะหนึ่ง ถ้าได้ข้อสรุปพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมว่าหมอเปรมมีความผิดหรือไม่ ถ้ามีการกระทำความผิดจริงก็ต้องดำเนินคดีตาม ป.วิอาญา หมอเปรมศักดิ์เป็นผู้ต้องหาฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการละเว้นกระทำการใดๆ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 3,000 บาท แต่เป็นคดีความผิดอันยอมความได้

ส่วนความเคลื่อนไหวของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ในวันนี้ได้เดินทางไปที่กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 2 วัน ( 28-29 ก.ค.59 ) เพื่อศึกษาหลักสูตรบริหารความสงบเรียบร้อยภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 3(บรอ.3) ที่กองบัญชาการการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนวิภาวดีฯ 40

 

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก  ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image