เจ้าของเปิดใจ เจอเพื่อนบ้าน เข้ายึดที่อีกรอบ มั่นใจ มีหลักฐานอยู่ไม่ถึง 10 ปี
จากกรณี น.ส.อาย เข้าแจ้งความตำรวจ สน.โคกคราม ถูกเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ซอยรามอินทรา 58 กทม. บุกรุกเข้าไปต่อเติมเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานที่ตั้งอยู่ข้างกันหลังถูกทิ้งร้างมานานกว่า 10 ปี สุดท้ายกลายเป็นข่าวดังจึงยอมย้ายออก ต่อมาหลังจากที่เพื่อนบ้านย้ายออก เจ้าของบ้านตัวจริง ได้นำกุญแจเข้ามาล็อกทางเข้าออกบ้านทุกช่องทาง
แต่ล่าสุดปรากฏว่าโผล่ยึดบ้านอีกรอบ โดยทำการตัดกุญแจบ้าน พร้อมเปิดเป็นร้านขายอาหาร พร้อมกับติดประกาศไม่ให้เจ้าของบ้านตัวจริงเข้ามาที่บ้านตน เพราะตอนนี้เขาได้ทำการครอบครองปรปักษ์แล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไม่จบ! คดีเพื่อนบ้านลักต่อเติมทำออฟฟิศ โผล่ยึดซ้ำ ทำร้านอาหาร อ้าง ‘ครอบครองปรปักษ์’
- ซื้อบ้านทิ้งไว้ 30 ปี ช็อกเพื่อนบ้านต่อเติมทำออฟฟิศ อ้างไม่ได้บุกรุก แค่ช่วยดูแล
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการเรื่องเล่าเช้านี้ เสาร์-อาทิตย์ สัมภาษณ์ น.ส.อาย เจ้าของบ้านที่ถูกบุกรุก เปิดใจว่า 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพิ่งมารู้ว่าเพื่อนบ้านคนเดิม มายึดบ้านอีกรอบ เที่ยวนี้ ทำเป็นร้านอาหาร ตอนที่ไปดูเห็นมีคนอยู่ 2 คน กำลังนั่งขายของอยู่ในบ้านที่อากู๋ยกให้เธอ ทั้งนี้จริงๆแล้ว เธอได้ ปิดล็อกบ้านเอาไว้ตั้งแต่ที่มีปัญหาครั้งก่อน คือวันที่ 17 กันยายน 2566
น.ส.อาย กล่าวต่อว่า มองว่าการที่เข้ามาวางสิ่งของต่างๆ เปิดเป็นร้านอาหารแบบนี้ ต้องงัดบ้านเข้ามา จึงไปแจ้งความเอาไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม ทั้งนี้เพิ่งรู้อีกว่าคู่กรณี นอกจากจะกลับมายึดบ้านใหม่แล้ว ไปฟ้องกลับต่อ ศาลแพ่ง เป็นคดีแพ่งในคดีครอบครองปรปักษ์ ตั้งวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ 13 ปี ซึ่งทนายความของตนยื่นคัดค้านต่อศาลไป เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา และฟ้องขับไล่คู่กรณี แต่ว่าศาลยังไม่ได้ตัดสิน
น.ส.อาย กล่าวต่อว่า ส่วนได้คุยกับคู่กรณีหรือไม่นั้น ไม่ได้คุย โดยคู่กรณีบอกว่า ให้ไปคุยกับทนายของเขาซึ่งทนายความคู่กรณี พูดในลักษณะที่ว่า ตอนนั้นช่วงกันยายน 2566 ไม่ได้ยอมจะย้ายออกนะ แต่ตอนนั้นอ้างว่าโดนนักข่าวกดดัน เลยออกมา ซึ่งตนมองว่า การกระทำของเขา มีเจตนาที่ทำแบบนี้ไม่บริสุทธิ์ เขาอยากได้บ้านของเรา
ซึ่งตนมองว่าเพื่อนบ้านนั้นไม่ได้ครองครองถึง 10 ปี และไม่ได้เข้ามาอยู่อาศัยด้วย แค่เอาของเข้ามาวางตั้งไว้ และเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ตนไปดูใน Google Earth บ้านก็ยังเป็นสภาพเดิม คือ ยังเป็นบ้านร้างอยู่ มีของก่อสร้างวางอยู่หน้าบ้าน ซึ่งก็ไม่ครบ 10 อยู่แล้ว และเขายอมรับว่าเขา “พี่เขามาตั้งแต่ปี2560” ดังนั้น ตนมีหลักฐานชัดเจน ไม่กังวลกับคดีครอบครองปรปักษ์
อย่างไรก็ตาม ถ้าในอนาคตศาลตัดสินว่า คู่กรณีชนะครอบครองปรปักษ์ เขาคนไม่หยุดเคสเราแค่เคสเดียวแค่นี้ และอาจจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ ว่า ใครก็สามารถไปยึดบ้านร้างและอ้างว่าครอบครองปรปักษ์ได้อย่างนั้นหรือ