เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องเกิดจากระบบอาณัติสัญญาณควบคุมขบวนรถไฟฟ้าขัดข้อง เพราะถูกคลื่นภายนอกรบกวน ว่า กรณีดังกล่าวได้เข้าหารือบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ผู้บริหารจัดการดูแลรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้ว เนื่องจากรถไฟฟ้าขัดข้องส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารจำนวนมากจึงให้แนวทางว่าจะชดเชยเป็นรูปธรรมอย่างไรได้บ้าง ขณะที่ทางบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) แจ้งว่าขอเวลาหารือประมาณ 2-3 วัน ส่วนกระแสเรียกร้องให้กทม.ยกเลิกสัญญาสัมปทานบีทีเอสซีนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะสัญญาไม่ได้ระบุเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ปรับบีทีเอสซีได้เพราะกทม.เป็นผู้ให้สัมปทาน หากเดินรถไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์กำหนด ซึ่งสัญญามีเงื่อนไขอยู่ว่าผู้รับสัมปทานจะต้องเดินรถไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าร้อยละ 87.5 โดยมีวิธีคำนวณอยู่ ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่งปัญหาการเดินรถขัดข้องช่วงเดือนที่ผ่านมาต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ หากต่ำกว่าเกณฑ์กทม.ปรับบีทีเอสซีได้อัตราร้อยละ 0.6 ของค่าเดินรถเฉลี่ยทั้งเดือนประมาณ 300 ล้านบาทต่อเดือน หากปรับจริงจะประมาณ 1.8 ล้านบาท
นายสกลธี กล่าวถึงการกำชับให้บีทีเอสแก้ไขปัญหาคลื่นรบกวน ว่า หากเกิดเหตุขัดข้องต้องมีมาตรการรองรับตามขั้นตอนไม่ใช่เกิดครั้งหนึ่งแล้วแก้ปัญหาเป็นครั้ง ส่วนปัญหาเรื่องคลื่นพบบีทีเอสได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่อยู่ที่ 2,400 MHz เพื่อเดินรถ แต่มีคลื่นมารบกวนมีความถี่ 2,300 MHz ขณะนี้ บีทีเอสซีจึงแก้ปัญหาโดยนำเครื่องม็อกซา (MOXA) เพื่อช่วยขยายสัญญาณหลบหลีกคลื่นรบกวน คาดปัญหาจะดีขึ้น แต่ยังไม่รับปากจะได้แก้ไขได้ 100% อย่างไรก็ตาม เวลา 19.00 น.ของวันนี้ ตนพร้อมทีมงานจะลงพื้นที่ตรวจสอบการติดตั้งเครื่องขยายสัญญาณที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต โดยจะติดตั้งแล้วเสร็จและให้บริการความถี่ใหม่ในวันที่ 30 มิถุนายน แต่การจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่นั้นเป็นหน้าที่ของบีทีเอสซีที่ต้องหารือกับกสทช. เพราะเป็นผู้รับสัมปทาน และต่อจากนี้ไปกทม.จะเรียกเพิ่มความถี่ในการประชุมร่วมกับบีทีเอสซี
