เมื่อกทม.จับได้คาหนังคาเขา “ลักลอบทิ้งขยะ ไม่ผ่านด่านชั่ง”

เมื่อกทม.จับได้คาหนังคาเขา ลักลอบทิ้งขยะ ไม่ผ่านด่านชั่งž

จากการขอ งบประมาณŽ ส่วนการกำจัดขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นจากงบประมาณก้อนเดิมที่ตั้งไว้ ราว 2,100,000 บาทต่อวัน แต่ในเวลาต่อมา พบว่ามีการของบประมาณเพิ่มขึ้น วันละกว่า 1 แสนบาทอีก

เรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของการซุ่มสกัดหาความผิดปกติของสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยทั้ง 3 แห่ง ที่เป็นส่วนความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แก่ สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยอ่อนนุช สายไหมและหนองแขม รวมระยะเวลาซุ่มสังเกตการณ์ 1 สัปดาห์ และแล้วความจริงจึงถูกเปิดเผย โดยภารกิจทั้งหมดเป็นภารกิจลับพิเศษชนิดที่ว่าผู้สื่อข่าวที่ได้รับเชิญไปทำข่าวเองก็ไม่สามารถรับทราบข้อมูลเบื้องต้นได้เลยว่าภารกิจนั้นคืออะไร จนในที่สุดความจริงก็ถูกเฉลยให้ทราบโดยพร้อมกัน เหตุผลที่การดำเนินงานทั้งหมดจะต้องเก็บเป็นความลับเนื่องจากจะต้องเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด และเพื่อไม่ให้เหยื่อไหวตัวได้ทันนั่นเอง

Advertisement

ในวันนั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้นัดรวมสื่อมวลชนให้ไปทำข่าวในภารกิจลับพิเศษโดยไม่ระบุสถานที่ ซึ่งในช่วงค่ำของวันที่ 16 มกราคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางพร้อมกับรถตู้ของ กทม.ไปถึงยังสถานที่นัดหมาย ซึ่งเปิดเผยในภายหลังว่า เป็นการจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบขนขยะเข้ามาทิ้ง ที่สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยหนองแขม โดยมี นายชาตรี วัฒนะเขจร ผู้อำนวยการสำนึกสิ่งแวดล้อม นายศุภกฤต บุญขัน ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ตำรวจ 191 และกองกำกับการสืบสวนนครบาล 7 ดำเนินการลงพื้นที่ซุ่มจับผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ด้วย

พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ภายในโรงขยะแห่งนี้เป็นโรงพักขยะที่จะนำไปฝั่งกลบ ซึ่งโดยปกติ กทม.จะต้องสูญเสียเงินในการจ้างฝั่งกลบโดยบริษัทเอกชนตันละ 700 บาท โดยเฉลี่ยจะมีขยะจาก กทม. รวมทั้งสิ้นจำนวน 16 เขต เฉลี่ยวันละ 3,500 ตันต่อวัน

ซึ่งมีบริษัทรับจ้างฝั่งกลบขยะ นำไปฝั่งกลบตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับ กทม. แต่มีรถอีกจำพวกหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่รถของ กทม. ได้เก็บขยะจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.สมุทรสาคร มาทิ้งที่สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยหนองแขม โดยไม่ผ่านการเข้าด่านชั่งปริมาณขยะ

Advertisement

การจากตรวจสอบ 1 สัปดาห์พบการลักลอบนำขยะมาทิ้ง วันละ 30 คัน เฉลี่ยคันละ 5 ตัน ทำให้ กทม.เสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะเหล่านั้นตกวันละ 100,000 บาท เดือนละ 30-40 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าราคาถึงปีละกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งไม่ทราบว่ามีการกระทำผิดเช่นนี้มานานเพียงใด แต่ในส่วนของผู้ที่นำมาทิ้งเข้าข่ายการทุจริตอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีการรับจ้างมาจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล ซึ่งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของ กทม.ร่วมทุจริตด้วย

“ในวันนี้มีจำนวน 9 คันที่ตรวจพบ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กแต่เป็นเรื่องทุจริตยิ่งใหญ่ ขยะที่นำมาทิ้งเป็นขยะทั่วไป เราเก็บได้ไม่หมดแต่เราไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปี มันเสียหายเยอะ เราต้องหยุดเส้นเลือดนี้ให้ได้ อันนี้คือมูลเหตุการก่อให้เกิดทุจริต ต้องทำให้เฉียบขาดด้วยการดำเนินคดีอาญาด้วยŽ” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว

เมื่อถามว่าเฝ้าสังเกตเหตุการณ์มานานแค่ไหน พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า เกิดจากการสังเกตว่างบที่ตั้งไว้ในส่วนของการกำจัดขยะส่วนนี้ที่มีการของบไว้ล่วงหน้า 5 ปี ไม่เพียงพอและมีการของบเพิ่ม ซึ่งจะต้องทำเรื่องเข้าสู่สภา จึงเกิดข้อสงสัยว่าเกิดความไม่ชอบมาพากล จึงทำการลงพื้นที่ตรวจในช่วงระยะเวลาเฝ้าสังเกตการณ์ประมาณ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีการตรวจสอบที่บ่อขยะสายไหมและอ่อนนุช แต่ไม่พบ พบที่หนองแขมเท่านั้น โดยผู้ที่มีส่วนร่วมอาจจะเป็นหัวหน้าศูนย์ขยะหนองแขม ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว การซุ่มจับกุมครั้งนี้ตรวจจับได้จำนวน 9-10 คัน ซึ่งเป็นรถที่ขนขยะมาจากเทศบาล ต.สวนหลวง สำหรับผู้ที่นำมาทิ้ง กทม.มีอำนาจเพียงการแจ้งข้อหาทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะ ค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท/คัน

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ภายหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบผู้ที่กระทำความผิด หากพบว่ามีข้าราชการที่กระทำผิด จะต้องดำเนินคดีตามมาตรา 157 การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมีหลักฐานจากวิดีโอที่ได้บันทึกไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งหากมีการอ้างว่า อบต.ไม่ทราบว่าผู้เก็บขยะนำขยะ

ไปทิ้งที่ไหน แต่ในหลักการปฏิบัติการว่าจ้างคนนำขยะไปทิ้ง จะต้องไปตรวจสอบว่าผู้รับจ้างนำขยะไปทิ้งที่ไหน ซึ่งการที่นำมาทิ้งขยะเช่นนี้จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงาน ซึ่ง กทม.จะต้องฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าใช้หาย ในขณะนี้มีข้อมูลว่า พล.ต.อ.อัศวินได้มอบหมายให้ นายชาตรี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว ที่ สน.หนองค้างพลู และจะต้องเข้าดูเรื่องข้อกฎหมายในการฟ้องร้องค่าเสียหายจาก อบต. เทศบาลที่เป็นผู้ทำสัญญากับบริษัทที่กระทำความผิด

ซึ่งในระหว่างการให้สัมภาษณ์ก็มีรถขนขยะลักลอบนำขยะเข้ามาเรื่อยๆ และได้ทำการควบคุมตัวคนขับรถลงบันทึกประจำวันและเปรียบเทียบค่าปรับตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองปี 2535 ในข้อหาทิ้งขยะในที่สาธารณะ และจะดำเนินการตรวจสัญชาติหากพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าว จะดำเนินคดีและส่งกลับประเทศต่อไป

นายธงชัย ทำนุ ผู้ขับรถลักลอบขนขยะ อายุ 58 ปี กล่าวว่า ผู้ว่าจ้างคือ นายนิรันดร์ ป้อมน้อย นายกเทศมนตรี ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งว่าจ้างงานผ่านบริษัททรัพย์อิ่มอำไพ โดยเฉลี่ยตนเองได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือน ในการขนเก็บขยะจากตามพื้นที่เทศบาล ต.สวนหลวง จะเริ่มเก็บตั้งแต่เวลา 02.00 น. ของทุกวัน ตนเองและผู้ช่วยเก็บขยะอีก 3-4 คนจะนำขยะเหล่านั้นใส่รถบรรทุกขนาดใหญ่ซึ่งเฉลี่ยวันละ 5-10 ตัน นำมาทิ้งที่สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยหนองแขมในช่วงค่ำของทุกวัน วันละ 1 รอบ โดยการกระทำนี้ทำต่อเนื่องกันมากว่า 5 ปีแล้ว

เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ตนเองกระทำนั้นเป็นความผิด นายธงชัยกล่าวว่า ไม่รู้ ว่าสิ่งที่ทำนั้นผิด เนื่องจากตนเองเป็นลูกจ้าง มีหน้าที่ให้ขับรถมาทิ้ง ก็ขับมาทิ้งทุกวัน

ทุกวันที่ขน เขาก็รู้กันอยู่ ไม่ได้เข้าด่านชั่ง ขับเข้ามาเลย ทำกันมานานแล้ว มาถึงเราก็ทิ้งเลย ไม่รู้ว่าเขาไปคุยกันยังไงŽ นายธงชัยกล่าว

ทั้งหมดนี้เป็นการร่วมกันกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความสูญเสียงบประมาณของประเทศชาติ และเข้าข่ายการทุจริต เนื่องจาก กทม.เป็นผู้เสียผลประโยชน์

ต้องหาผู้กระทำผิดทุกคนมาลงโทษ อย่าให้ใครลอยนวล

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image