อธิบดีอุทยานฯ สั่งการเข้มจนท.เฝ้าดูสถานการณ์ไฟป่าภูกระดึง 24 ชม. ไม่ให้ไฟ ปะทุ ขึ้นอีก เชื่อฝีมือคนหาของป่า

อธิบดีอุทยานฯ สั่งการเข้มจนท.เฝ้าดูสถานการณ์ไฟป่าภูกระดึง 24 ชม. ไม่ให้ไฟ ปะทุ ขึ้นอีก  เชื่อฝีมือคนหาของป่า

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตวืป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาณ์เรื่องสถานการณ์ไฟป่าที่ไหมลามในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่า นายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า รายงานเข้ามาว่า เมื่อเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถ ?ควบคุมไฟป่าบนหลังแปยอดภูกระดึงได้แล้ว และได้ประเมินพื้นที่เสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,400 ไร่ เบื้องต้นไม่มีเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวผู้ใดได้รับอันตรายและไม่มีทรัพย์สินของทางราชการรวมถึงของผู้ประกอบการได้รับความเสียหายแต่อย่าง ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้รถน้ำดับไฟเก็บแนวดำในพื้นที่ที่ยังมีไฟติดต้นไม้ขอนไม้ให้ดับสนิทภายในวันนี้

นายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า ได้รายงานกรณีเหตุไฟไหม้ป่าบนยอดภูกระดึง ต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยระบุว่า กองอำนวยการควบคุมไฟป่าภูกระดึง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) รายงานการเกิดไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงประจำวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ โดยในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 08.30 น. มีไฟป่าเกิดขึ้นบริเวณซำขอนแดง พิกัด 47Q0798807 UTM 1865292 โดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าหน้าที่กองอำนวยการควบคุมไฟป่าภูกระดึงร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 10 นาย ออกปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่โดยจุดเกิดไฟป่าอยู่ใต้ผาเมษาห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 2 กม. แต่ด้วยสภาพป่าไผ่และสภาพอากาศแห้งแล้ง ประกอบกับมีสภาพกระแสลมพัดแรงเข้าหน้าผา ทำให้เกิดลูกไฟพัดลอยข้ามแนวกันไฟ มาตกในพื้นที่บริเวณหลังแปห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 400 เมตร บริเวณผาเมษา

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

Advertisement

 

 

ธัญญา เนติธรรมกุล

ต่อมาเวลา 11.00 น. ไฟป่าที่เกิดบริเวณผาเมษา พิกัด 47Q0798648 UTM 1862499 ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่าได้ร่วมกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ กองอำนวยการควบคุมไฟป่าภูกระดึง จำนวน 32 นายและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 60 นาย และผู้ประกอบการ และจิตอาสา รวมทั้งสิ้น จำนวน 130 นาย เข้าควบคุมพร้อมด้วยรถแทรกเตอร์ จำนวน 3 คัน รถน้ำ จำนวน 4 คัน โดยการทำแนวกันไฟและชิงเผากลับตามเส้นทางหลังแป – วังกวาง และเส้นทางหลังแป – ผาหมากดูก – สระใหญ่เบื้องต้นสามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ประเมินพื้นที่เสียหายประมาณ 2,000 ไร่ พื้นที่เสียหายแบ่งตามแบ่งตามชนิดป่า ป่าสน – ป่าก่อ -ป่าทุ่งหญ้า

จากนั้น เวลา 17.00 น.ไฟป่าบริเวณเส้นทางผาหมากดูก พิกัด 47Q0796450 UTM 1867726 ได้ข้ามแนวควบคุมและขยายตัวไปทางสระแก้ว จึงได้สั่งการให้แบ่งกำลังไปควบคุม โดยใช้วิธีทำแนวกันไฟและชิงเผากลับจากเส้นทางองค์พระพุทธเมตตา – สระแก้ว – สะพานหิน – สระอโนดาษ-ผานาน้อยโดยสามารถควบคุมไฟได้ทั้งหมดในเวลา 02.00 น.ของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เบื้องต้นได้ประเมินพื้นที่เสียหายประมาณ 1,400 ไร่ พื้นที่เสียหายแบ่งตามชนิดป่า ป่าสน-ป่าก่อ-ป่าทุ่งหญ้า ทั้งนี้ ได้ประเมินพื้นที่เสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,400 ไร่ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวผู้ใดได้รับอันตรายและไม่มีทรัพย์สินของทางราชการและของผู้ประกอบการได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้รถน้ำดับไฟเก็บแนวดำในพื้นที่ที่ยังมีไฟติดต้นไม้ขอนไม้ให้ดับสนิทภายในวันนี้

นายธัญญา ให้สัมภาษณ์อีกว่า ได้สั่งการและมอบหมายเจ้าหน้าที่ โดยนายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าจนสงบลงเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไว้วางใจสถานการณ์ไม่ได้ เพราะอาจมีไฟครุกรุ่นอยู่ตามตอไม้และในดิน จึงต้องดำเนินการทำแนวดำสกัดกั้น ป้องกันไม่ให้ไฟที่ดับไปแล้วกลับคุกรุ่นขึ้นมาอีก และต้องเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเวรยามเฝ้าลาดตระเวนตามจุดเสี่ยงตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

นายธัญญา กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุในโลกโซเชียลที่อาจระบุว่ามาจากการทิ้งก้นบุหรี่ของนักท่องเที่ยวนั้น ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่ แต่สาเหตุการเกิดไฟป่าย่อมมาจากน้ำมือมนุษย์แน่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาหาของป่ามากกว่า เพราะต้นเพลิงมาจากด้านล่างจากนั้นลามขึ้นไป ทั้งนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่จริงต่อไปแล้ว

” ขณะนี้เราต้องควบคุมไฟป่าให้ดับสนิท 100% ก่อน จากนั้นเมื่อเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้วจึงจะหาทางในการฟื้นฟูป่าอีกครั้ง”นายธัญญา กล่าว

ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า ในสื่อโซเชียลนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวบนภูกระดึง ระบุว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้อาจเกิดจากมีนักท่องเที่ยวบางคนทิ้งก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับสนิทลงพื้น จนลามไปติดกับหญ้าแห้ง และเกิดไฟไหม้ขึ้นจนทำให้ป่าสนอายุกว่า 100 ปี ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image