เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 10 เปิดเผยระหว่างร่วมแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่าในภาพรวมการแจกหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนที่ สธ.ดำเนินการใน 9 กรม เท่าที่รับการรายงานมาช่วงเช้ามีของเข้ามาประมาณ 5,000-8,000 ชิ้น และมีประชาชนเข้ามารับพอสมควร แต่จะประเมินเป็นช่วงๆ ไป สาเหตุที่ไม่ได้ไปแจกในพื้นที่ที่ห่างไกลเนื่องจากกระบวนการสั่งการเกิดขึ้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันหยุด เจ้าหน้าที่จึงได้รีบมาแพคของไว้ จึงได้นำมาแจกภายในกระทรวงก่อน โดยมีวัตถุประสงค์ว่าให้เอาไว้สำหรับผู้ที่ป่วยแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค แต่หากยังมีความต้องการมากขึ้น ก็จะมีการเพิ่มขึ้นให้แก่ประชาชนต่อ เนื่องจากประชาชนเดือดร้อนและได้กันไว้อีกส่วนหนึ่งสำหรับแพทย์ และสั่งการให้ผู้ตรวจราชการสาธารณสุขที่ดูแลในระดับเขตสุขภาพดูแลภาวะความต้องการ และที่ได้รับรายงานพบว่า ในบางพื้นที่มีความเพียงพอและบางพื้นที่ยังขาดแคลน จึงต้องมีการเกลี่ยความต้องการให้เพียงพอ และจะมีการเติมเข้ามาให้เหมาะสม
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หากจะมองว่าการนำหน้ากากอนามัยไปแจกให้กับประชาชนนั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็น จึงต้องเข้าใจว่า การใช้หน้ากากอนามัยในบุคลากรทางการแพทย์ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บุคลากรที่ต้องเข้าไปดูแลผู้ป่วย หรือเจอผู้ป่วยที่ไม่ได้แจ้งว่าตนเองป่วย และการใช้หน้ากากอนามัยในประชาชนนั้นมีประโยชน์มากในผู้ป่วยเพื่อลดการแพร่กระจาย ดังนั้น สิ่งที่ สธ.พบคือ มีประชาชนส่วนหนึ่งที่มีความจำเป็น เช่น ผู้ที่มีอาการป่วย มีอาการทางระบบการเดินทางหายใจ ผู้ป่วยวัณโรค โรคไข้หวัดใหญ่ ที่จำเป็นต้องใช้ แต่เมื่อมีผู้ตื่นตระหนกมาแย่งทรัพยากรกันใช้หน้ากากอนามัย ประชาชนกลุ่มนี้จึงขาดแคลน จึงอยากให้ประชาชนคิดข้อแรกคือ ให้นำไปใช้ตามความจำเป็น เช่น เป็นผู้ป่วย และในขณะนี้ที่มีขายตามตลาด แต่มีการโก่งราคา ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
