จุติ ยันไม่เคยแทรกแซงการทำงาน พอช.-ภาคประชาสังคมมีข้อสงสัยเข้าพบได้ หลังถูกจี้พ้นตำแหน่ง

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

จุติ ยันไม่เคยแทรกแซงการทำงาน พอช.-ภาคประชาสังคมมีข้อสงสัยเข้าพบได้ หลังถูกจี้พ้นตำแหน่ง

สืบเนื่องจากกรณี เครือข่ายองค์กรชุมชน และองค์กรภาคประชาสังคมทั่วประเทศ 41 องค์กร ออกแถลงการณ์ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ปรับ นายจุติ ไกรฤกษ์ ออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยให้เหตุผล 8 ข้อ อาทิ มีทัศนคติเชิงลบต่อองค์กรภาคประชาสังคม จากการเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงรายได้หรือกำไรฯ ที่มีเจตนาควบคุม ปิดกั้นและจำกัดสิทธิเสรีภาพการรวมกลุ่มขององค์กรภาคสังคม, แทรกแซงการทำงานรัฐวิสาหกิจ และองค์กรมหาชนในกำกับ เป็นต้น นั้น

จากข่าว ปลัด พม.ป้อง ‘จุติ’ เป็นรัฐมนตรีมีผลงาน หลังถูกภาคประชาสังคมจี้ปลดพ้นตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในการแถลงข่าวชี้แจงกรณีนี้ว่า กรณีที่มีการพูดถึงการบริหารงานและการกำกับสถาบันองค์กรพัฒนาชุมชน (พอช.) ในสังกัด พม. ขอยืนยันว่าการทำงานนั้นได้ปล่อยให้เป็นเรื่ององค์กรมหาชนซึ่งอยู่ภายใต้ พม. ผมมีอำนาจแค่กำกับ ฉะนั้นการบริหารงานทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ผอ.พอช.และผู้บริหาร พอช.

การมาพูดว่าบอร์ด พอช.ไม่มี หมดอายุทำงานไม่ได้ นี่คือข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะความจริงคือ บอร์ดรักษาการสามารถทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์และทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีบางท่านมีความเห็นแตกต่างว่ามีการทำงานล่าช้า ได้คุยกับปลัด พม.แล้ว จะตั้งคณะทำงานสอบสวนเรื่องนี้ ว่ามีใครไปดึงเรื่อง ขัดขวาง ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ หรือมีข้อบกพร่อง ให้ปลัด พม.จัดการได้เลย ตรวจสอบเสร็จภายใน 30 วัน

Advertisement

“ตัวผมมีหน้าที่เหมือนบุรุษไปรษณีย์ ส่งพัสดุให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ (ครม.) ส่วนจะอนุมัติหรือไม่อยู่ที่ ครม. แต่ขณะนี้คือว่าพัสดุนั้นไม่สมบูรณ์มีตำหนิถูกตีกลับมา ฉะนั้นก็เป็นเรื่องของ พอช.ต้องไปทำให้ถูกต้อง แล้วส่งให้ผมนำเสนอ ครม.เท่านั้น ผมเชื่อว่าในกระทรวงนี้ ไม่อยากทำให้ พอช.เสียหาย เรายึดประโยชน์ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”

ส่วนท่านใดที่มีความเห็นแตกต่างทางการเมือง อยากขอร้องว่าอย่าเอาปัญหาการเมืองมาอยู่เหนือปัญหาประชาชน ผมจะไม่ทะเลาะกับใคร จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ทำมากกว่าพูด หากเครือข่ายองค์กรไหนมีข้อสงสัย จะมาพบก็มาได้ การที่ไปพูดว่ามาพบแล้วไม่ให้คนอย่างเราพบเป็นข้อที่บิดเบือนอย่างร้ายแรง ตอนที่ท่านนัดมาผมติดประชุม ศบค. ผมเป็นนักการเมืองมาจากประชาชน ไม่เคยหนีหน้าประชาชนคนไหน แม้ประชาชนไม่ชอบขี้หน้าผม ผมก็ต้องไปพบ เพราะเป็นหน้าที่ของผม และความถูกต้องต้องมาก่อนความถูกใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image