ปลัด สธ.เผยข้อมูลคนฉีดวัคซีนไม่สมบูรณ์ เร่งงมหาคนไม่ได้เข็มแรกสมัครใจฉีด
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทย เพื่อให้ถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดส รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ครบ 100% ของประชากร ว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปมาก แต่ที่มีข้อมูลปรากฏในระบบน้อยกว่าที่ฉีดไปประมาณ 2-3 ล้านข้อมูล เนื่องจากบางข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
“ก็ทำให้ไม่ขึ้นในระบบ เช่น เลขบัตรประชาชน เลขล็อตวัคซีนผิดเพราะตัวเลขมาก รวมถึงตัวเลขที่ฉีดในระบบอื่นก็อาจตกหล่นอยู่บ้าง ซึ่งเรากำลังสางข้อมูลอยู่ หากตามระบบที่มีอยู่ ก็น่าจะมีคนประมาณอีก 10 กว่าล้านคน ที่ยังไม่ได้ฉีด แต่ก็อาจมีที่ฉีดไปแล้ว ซึ่งก็อาจจะไม่ถึง แต่เราจะพยายามทำสวนกลับ โดยมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แทนที่จะนับคน นับขวด ก็ให้ทำการศึกษาในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (แล็บ) ตรวจภูมิต้านทานเชื้อโควิด-19 แทน เพื่อดูว่าคนที่มีภูมิต้านทานมีกี่เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะพอบอกได้ว่าประเทศมีคนมีภูมิฯ ระดับไหน” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ปลัด สธ. กล่าวอีกว่า เมื่อฉีดวัคซีนไปจำนวนหนึ่งแล้ว เช่น ร้อยละ 70-80 ของประชากร ซึ่งถือว่ามาก ก็เปลี่ยนจากการหาคนที่ยังไม่ได้ฉีดมาเป็นศึกษาคนว่ามีภูมิฯ ระดับไหน
“เช่น หากเราฉีดไป ร้อยละ 70 แต่อาจมีภูมิฯ ถึงร้อยละ 75 ก็ได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนกับภูมิฯ ก็เกิดขึ้นได้จาก 1.ฉีดวัคซีน 2.เคยติดเชื้อแล้วเกิดภูมิฯ และ 3.ฉีดวัคซีนแต่ภูมิฯ ไม่ขึ้น โดยเราก็ต้องศึกษาในเรื่องนี้ เพื่อดูว่าคนในชุมชนมีภูมิฯ ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เชิงการหาภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ทั้งนี้ เราจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผนต่อไป” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ทาง สธ.จะมีแนวทางอย่างไร เพื่อจูงใจให้ไปฉีด นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กำลังชักชวนอยู่ ซึ่งได้ทำการศึกษาสำเร็จใน จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มผู้ที่ลังเลใจจะฉีดวัคซีน เพราะอาจจะยังกลัวแพ้วัคซีน หรือกังวลเรื่องความปลอดภัย ได้ศึกษาในกลุ่มประชาชน 8,000 กว่าคน โดยให้นักจิตวิทยา และทีมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยให้ข้อมูล ปรากฏว่า มี 6,000 คน ที่ยอมฉีดวัคซีน ส่วนอีก 2,000 กว่าคน ยืนยันว่าไม่ฉีด ผลสรุปคือ หากเราทำความเข้าใจแล้ว จะมี 2 ใน 3 ที่ยอมฉีด อีก 1 ส่วนคือ ผู้ที่ไม่ยอมฉีดเลย
“โดยทาง สธ. ก็จะเชิญชวนให้ไปฉีดมากขึ้น เราไม่อยากใช้มาตรการบังคับ แต่หากถึงจุดหนึ่ง หากเรามีภูมิฯ แล้ว คิดว่าพอเพียง ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็ยังตามความสมัคร แต่สมมติเกิดการระบาดมากขึ้น ก็อาจต้องใช้มาตรการมากกว่าเชิญชวน อาจต้องห้ามคนที่ยังไม่มีรับวัคซีน ทำกิจกรรมอะไรบางอย่างที่จะเกิดการติดหรือแพร่เชื้อได้ แต่ยังไม่ได้คิดถึงการใช้กฎหมาย หรือนำ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาบังคับ เนื่องจากเรายังฉีดวัคซีนได้อยู่ ถึงแม้ว่าในระยะหลังๆ อาจจะช้าลงบ้าง แต่ก็เกิดขึ้นในทุกประเทศที่มีการฉีดวัคซีนมากแล้ว ทั้งนี้ ก็ยังฉีดได้เรื่อยๆ เราก็พยายามทำให้สำเร็จให้ได้ แม้จะถึง 100 ล้านโดส ที่เราวางเป้าหมายไว้วันที่ 5 ธันวาคม 2564 แต่หลังจากนั้น ก็ยังต้องฉีดต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ถึง 100 ล้านโดสแล้วเราจะหยุด ดังนั้น ก็ยังเป็นความสมัครใจ” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า เป้าหมายการฉีดให้ครบ 100 ล้านโดส ภายในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ จะทำได้ครบหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ก็พยายาม ขณะนี้เรามีวัคซีน มีศักยภาพ เราก็พยายามทำให้สำเร็จ
