ปลัด พม.เผยผลสอบ ‘รองอธิบดีกรมเด็ก’ พัวพันคดีค้ามนุษย์ ไม่คืบ! หลังหัวหน้าบ้านพักเด็กฯ ร้องขอเปลี่ยน คกก.สอบยกชุด
กรณี เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี และรองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันให้ความช่วยเหลือผู้กระทำผิด ในคดีซื้อบริการทางเพศเยาวชนหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี พื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น
จากข่าว
– ปลัด พม.คาดผลสอบ ‘รองอธิบดีกรมเด็ก’ ออกศุกร์นี้ ยันไม่ช่วยเหลือกันเอง ไม่งั้นคงไม่แจ้ง ตร.
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงบุคคล 3 ราย ได้แก่ ผู้ถูกร้องคือ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้ร้องคือ หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ ถึงกรณีดังกล่าว ว่า ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงซึ่งมี รองปลัด พม.เป็นประธาน ได้ทำหนังสือแจ้งมาว่าหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี รู้สึกกดดัน ขอเปลี่ยนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตอนแรกขอเปลี่ยน 1 คน แต่ภายหลังขอเปลี่ยนทั้งชุด
ปลัด พม.กล่าวอีกว่า ดิฉันได้รับเรื่องและทำหนังสือสั่งการกองกฎหมายตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ จริงๆ ในขั้นตอนการสอบข้อเท็จจริง ไม่สามารถขอเปลี่ยนคณะกรรมการสอบได้ เว้นแต่คณะกรรมการสอบวินัยที่สามารถขอเปลี่ยนได้ แต่เพื่อให้ตัวผู้ร้องสบายใจและเห็นว่า พม.ไม่ได้มีการเบี่ยงเบน หรือเอนเอียง หรือเข้าข้างผู้กระทำผิด ก็เลยอยากให้ความเป็นธรรมกับผู้ร้อง ฉะนั้นก็จะต้องสอบข้อเท็จจริงกับรองอธิบดี ดย.และพยานแวดล้อมใหม่ ซึ่งจะต้องเสียเวลาไปอีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องดังกล่าวจะเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ นางพัชรีกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากฝ่ายกระทรวง ไม่ใช่ว่า พม.จะประวิงเวลา เราก็เร่งการสอบให้อยู่แล้ว แต่เมื่อตัวผู้ร้องไม่มั่นใจในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กระทรวงก็เปลี่ยนให้เพื่อให้ผู้ร้องมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมจริงๆ เพราะจริงๆ เขาไม่ใช่ผู้กระทำผิด เขาเป็นคนแจ้ง พม.ต้องฟังเขาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงรู้สึกกดดัน
ถามว่าแล้ว พม.จะมีมาตรการดูแลหรือคุ้มครองความปลอดภัยหัวหน้าบ้านพักเด็กฯหรือไม่ นางพัชรีกล่าวว่า การที่เราให้ความเป็นธรรม ให้เขาเข้ามาทำงานในส่วนกลางเพื่อไม่ให้มีความกดดันจากพื้นที่ และสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม ไม่ได้ให้ข้าราชการคนใดเข้าไปกดดัน และการเปลี่ยนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามการร้องขอ นั่นคือการคุ้มครองแล้ว
อย่างไรก็ตาม การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่ จะรับข้อมูลการสอบข้อเท็จจริงในรอบแรกมาตั้งต้นใช้ประโยชน์ต่อไป ส่วนการสอบครั้งนี้ขีดเส้นเวลาไว้เท่าไหร่นั้น ไม่สามารถตอบได้ เพราะขณะนี้ก็ยังไม่ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบเลย อยู่ระหว่างการหาผู้เหมาะสมมาเป็นคณะกรรมการ ซึ่งต้องเป็นข้าราชการระดับเดียวกัน หรือสูงกว่ารองอธิบดีที่เป็นผู้ถูกร้อง
