สคทช.ผนึกหน่วยงาน จัดการที่ดิน พัฒนาคุณภาพชีวิตคนจน

สคทช.ผนึกหน่วยงาน จัดการที่ดิน

พัฒนาคุณภาพชีวิตคนจน

การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เพื่อบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ ซึ่งโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ที่กำลังดำเนินการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญของการมีที่ทำกิน อันจะนำไปถึงการมีหลักแหล่ง มีอาชีพ และมีความเป็นอยู่ที่ดี โดยในเรื่อง การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ในรูปแบบการจัดที่ดินในลักษณะแปลงรวมไม่ให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนในรูปแบบสหกรณ์หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม และมีมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในการครอบครองของผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกร หรือผู้ยากจน

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กำหนดพื้นที่เป้าหมายแล้ว สำหรับการครอบครองที่ดินทำกินในรูปแบบดังกล่าวจำนวนทั้งสิ้น 1,483 พื้นที่ ใน 70 จังหวัด ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 5,792,144 ไร่ ทั้งในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ป่าไม้ถาวร ป่าชายเลน ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ดินราชพัสดุ นิคมสหกรณ์ และที่ดินสงวนเพื่อกิจการนิคมในนิคมสร้างตนเอง

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ คทช.

Advertisement

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การขับเคลื่อนการดำเนินงานในครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยมีการร่วมกันจัดทำแผนการดำเนินงาน บูรณาการการวางแผนพัฒนาพื้นที่ สนับสนุนข้อมูล เตรียมความพร้อม และอำนวยความสะดวก ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการพัฒนาประเทศตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาตินโยบายและแผนระดับชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เพื่อบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ คทช. และยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นับเป็นการผนึกกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ

Advertisement

โดยมุ่งหวังให้ความสำคัญกับการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ให้มีความเข้าใจตรงกัน และการขับเคลื่อนการดำเนินงานในทิศทางเดียวกัน มีการกำหนดแผนงานและเป้าหมายร่วมกัน ให้เกิดความรวดเร็วทันต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนและมีการติดตามแก้ไขปัญหาอุปสรรคไปด้วยกัน เพื่อบูรณาการวางแผนพัฒนาพื้นที่ด้วยการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

ด้าน นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการ สคทช. กล่าวว่า สคทช.ได้เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เพื่อปรับปรุงระบบที่ดินทำกินและลดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน และเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ คทช. ในการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ในรูปแบบ เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนในรูปแบบสหกรณ์ หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม โดยมีมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในการครอบครองของผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกร หรือผู้ยากจน

นางรวีวรรณ กล่าวว่า นอกจากการเร่งรัดการออกหนังสืออนุญาตและการจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินพื้นที่เป้าหมายแล้ว การจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรและผู้ยากจนภายใต้ คทช. ยังครอบคลุมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แหล่งน้ำ ไฟฟ้า และถนน ตลอดจนการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินสามารถอยู่อาศัยและประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตนเองและพึ่งพาตนเองได้ โดยที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปร่วมดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในพื้นที่ต่างๆ แล้ว จำนวน 247 พื้นที่ จากจำนวนพื้นที่ที่ได้มีการจัดคนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ คทช.แล้วทั้งสิ้น 336 พื้นที่ โดยเป็นการดำเนินงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและการพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน จำนวน 34 พื้นที่ ใน 21 จังหวัด

การขับเคลื่อนการดำเนินงานในครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยมีการร่วมกันจัดทำแผนการดำเนินงาน บูรณาการการวางแผนพัฒนาพื้นที่ สนับสนุนข้อมูล เตรียมความพร้อม และอำนวยความสะดวก ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการพัฒนาประเทศ ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาตินโยบายและแผนระดับชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image