‘ส.ก.สวนหลวง’ โวยแทน ปชช. กทม.ไม่ปลอดภัย ไฟดับทั้งทางหลัก ซอกซอย ยันสะพานลอย ทางม้าลายลางเลือน
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง มีการเปิดประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2566
ในตอนหนึ่ง น.ส.ปิยะวรรณ จระกา ส.ก.เขตสวนหลวง พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติขอให้ทาง กทม. พิจารณาแก้ไขจุดเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าได้รับผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ 1.ไฟฟ้าสาธารณะ 2. ป้ายรถเมล์ 3.ทางม้าลาย และ 4.เขตชุมชนและโรงเรียน ซึ่งจุดเสี่ยงเหล่านี้เป็นเรื่องที่พบเห็นมาเป็นระยะเวลาหลายปี เพื่อให้ กทม. เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสำหรับพี่น้องประชาชนทุกคน ขอให้ทางกรุงเทพฯ พิจารณาแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงดังกล่าวเป็นกรณีเร่งด่วน
น.ส.ปิยะวรรณกล่าวว่า เนื่องจากมีพี่น้องประชาชนร้องเรียนเข้ามาในเรื่องของความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินเข้ามาเป็นจำนวนมาก ขอแบ่งจุดเสี่ยงในกรุงเทพฯ เป็น 4 จุด ใหญ่
จุดแรก เป็นเรื่องของไฟฟ้าสาธารณะชำรุด ทั้งบนเส้นทางหลัก ตรอกซอกซอย และบนสะพานลอย
“จึงขอสอบถามฝ่ายบริหารว่า นโยบายหรือแผนการซ่อมแซมไฟฟ้าที่ชำรุด มีการดำเนินการอย่างไร และหน่วยงานใดที่เป็นผู้ดำเนินการแก้ไข” น.ส.ปิยะวรรณกล่าว
น.ส.ปิยะวรรณกล่าวต่อว่า จุดที่ 2 ป้ายรถเมล์ ซึ่งมีป้ายรถเมล์มากกว่า 2,000 แห่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทางสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เหตุใดป้ายรถเมล์ กทม.กลายมาเป็นพื้นที่เสี่ยง
“สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก ในส่วนของป้ายรถเมล์แบบมาตรฐาน และอีกส่วนเป็นป้ายรอรถเมล์ชั่วคราว หรือว่าที่เรียกว่าเต็นท์ชั่วคราว ป้ายรถเมล์แบบมาตรฐานไฟส่องสว่างชำรุด ป้ายรถเมล์บางแห่งอยู่ในที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีแสงไฟจากห้างร้านหรือที่อยู่อาศัย อีกจุดหนึ่งเป็นในเรื่องของป้ายรอรถเมล์ชั่วคราว หรือว่าเต็นท์ชั่วคราว”
“เชื่อว่าหลายๆ พื้นที่ใน กทม. ก็มีเหมือนกัน อาจเป็นเพราะพื้นที่บนทางเท้าอาจจะไม่เพียงพอต่อการติดตั้งป้ายรถเมล์ เลยมีการนำเต็นท์มาใช้ชั่วคราวก่อน แต่เต็นท์เหล่านี้ไม่มีไฟส่องสว่าง ไม่มีที่นั่งรอรถเมล์ ทำให้เกิดอันตรายได้ ในพื้นที่ของดิฉันมีเรื่องของความไม่ปลอดภัยต่อทรัพย์สินของพี่น้อง มีการฉกชิงวิ่งราวเพราะบริเวณตรงนี้ค่อนข้างที่จะมืดในยามค่ำคืน ขอสอบถามฝ่ายบริหาร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ส่วนของเต็นท์ชั่วคราวตรงนี้ เมื่อใดที่ทางหน่วยงานสามารถที่จะติดตั้งป้ายรอรถเมล์ ใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน และระหว่างนี้ทางหน่วยงานสามารถที่จะติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างให้กับประชาชนเพื่อความปลอดภัยก่อนได้หรือไม่” น.ส.ปิยะวรรณกล่าว
น.ส.ปิยะวรรณกล่าวต่อว่า จุดที่ 3 ทางม้าลาย ทางม้าลายสีซีด ไม่ชัดเจน บางแห่งมีการซ่อมแซม ปรับปรุงผิวถนน
แต่หลังจากที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีการทาเส้นทางม้าลายกลับสู่สภาพเดิม เพราะให้เหตุผลว่าเป็นคนละหน่วยงานกัน ไฟส่องสว่าง สัญญาณไฟชนิดกดปุ่ม สัญญาณไฟชนิดแจ้งเตือนบริเวณทางม้าลาย หลายๆ จุดก็ยังมีไม่เพียงพอ
“ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติได้รายงานไว้ว่า คนเดินถนนใน กทม.ประสบอุบัติเหตุเฉลี่ย 900 ราย/ปี ขอฝากทางฝ่ายบริหารให้ช่วยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการตรวจตราในเรื่องของความชัดเจนของเส้นทางม้าลาย เนื่องจากตามสัญญาทางผู้รับเหมาจะต้องมีการรับประกันสีที่ใช้ในการตีเส้นทางม้าลาย หรือเส้นจราจรตามระยะเวลาที่ทำสัญญากับทาง กทม.” น.ส.ปิยะวรรณกล่าว
น.ส.ปิยะวรรณกล่าวว่า จุดที่ 4 เป็นบริเวณเขตชุมชนหรือเขตโรงเรียน ถนนสาธารณะที่อยู่ในย่านชุมชน หรือย่านโรงเรียนบางแห่งไม่มีป้ายสัญลักษณ์แจ้งเตือนอุบัติเหตุ หรือป้ายบอกเขตจำกัดความเร็ว ป้ายเตือนเขตชุมชน
“อยากจะขอฝากทางฝ่ายบริหารให้มีการติดตั้งสัญลักษณ์ป้ายแจ้งเตือนอุบัติเหตุต่อผู้ขับขี่ให้มีความระมัดระวัง ติดตั้งอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และควรเป็นป้ายที่ควรมองเห็นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เพื่อที่จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ” น.ส.ปิยะวรรณระบุ
‘ชัชชาติ’ หอบ วิ่งเข้าสภากทม. ย้ำ ‘สภาคนเมืองฯ’ ไม่ได้ตั้งมาแทน ส.ข. รอเลือกตั้ง ‘ติดคำสั่งคสช.’
‘ส.ก.พญาไท’ ลั่น ตรวจสอบกันเองไม่มีประโยชน์ ขอตั้งคกก. ‘สแกนความคุ้มใช้งบ กทม.’ ทำโครงการปี66