เลิฟปัง รักปลอดภัย มิติใหม่แจกยาคุม-ถุงยาง ผ่านแอพพ์เป๋าตัง-ตู้อัตโนมัติ

ณ ห้วงเวลาเดือนแห่งความรัก สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในฐานะบทบาทหน้าที่ของภาคสาธารณสุข คือ กิจกรรมการรณรงค์เพื่อแก้ปัญหา “ท้องไม่พร้อม” รวมถึงการป้องกัน “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” ซึ่งนับว่ายังคงเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทย

สะท้อนตัวเลขจากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปี 2564 ที่พบว่า หญิงไทยอายุ 15-19 ปี ยังคงมีอัตราการคลอดอยู่ที่ 24.4 ต่อพันประชากร ขณะที่ข้อมูลของกรมควบคุมโรคก็พบว่าสัดส่วน
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน เป็นร้อยละ 22.2 จากผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมด ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2551 ที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 9.5

แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทั้ง 2 ส่วนนี้ได้ คือ การรณรงค์ให้ตระหนักถึงการใช้ “ถุงยางอนามัย” เพื่อป้องกัน แต่ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าแม้จะมีการรณรงค์กันมากมายเพียงใด แต่หากการ “เข้าถึง” ยังเป็นอุปสรรค ก็ยากที่การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะสำเร็จได้

Advertisement

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ถือฤกษ์งามยามดีในช่วง “วันวาเลนไทน์” จับมือกับภาคี เครือข่าย ภาคส่วนต่างๆ คิกออฟโครงการ “เลิฟปัง รักปลอดภัย แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แจก “ยาคุมกำเนิด” และ “ถุงยางอนามัย” ที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการและป้องกันได้มากขึ้น

มิติใหม่ของการรณรงค์ในครั้งนี้ คือ การพัฒนารูปแบบการบริการผ่าน ตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ” ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับ โดย สปสช.ได้เริ่มนำร่องให้บริการในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

Advertisement

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. อธิบายถึงการมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ด้วยการแจกยาคุมกำเนิดและถุงยางอนามัย รวมถึงบริการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆ เช่น การใส่ห่วงอนามัย ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นต้น ซึ่งตั้งเป้าว่าจะช่วยเพิ่มการแก้ปัญหาท้องไม่พร้อม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในเบื้องต้นได้มีการจัดเตรียมถุงยางอนามัยจำนวน 94,566,600 ชิ้น ที่มี 4 ขนาดให้ประชาชนเลือกใช้อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถรับบริการได้ 2 ช่องทาง คือ ช่องทางแรกลงทะเบียนบนแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง” และเข้ารับถุงยางอนามัยที่หน่วยบริการใกล้บ้านที่กดเลือก รวมถึงยังเป็นช่องทางเข้ารับบริการสิทธิประโยชน์คุมกำเนิดด้วย ส่วนกรณีผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนขอรับบริการได้ที่หน่วยบริการ

รองเลขาธิการ สปสช.บอกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่กล้าหรือไม่สะดวกที่จะไปรับในช่องทางแรก สปสช.ได้จัดช่องทางที่ 2 คือ การรับถุงยางอนามัยที่ตู้จ่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติ เพียงใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดยืนยันตัวตนเท่านั้น ปัจจุบันมีการตั้งตู้นำร่องใน 2 จุด คือ 1.อาคารท่าเรือแหลมบาลีฮาย และ 2.โรงพยาบาล (รพ.) เมืองพัทยา ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดี ก็เตรียมที่จะขยายโครงการไปทั่วประเทศ

“จากข้อมูล พบว่ากลุ่มวัยรุ่นกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด แม้ สปสช.ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริม แต่ทราบถึงปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคและหาแนวทางป้องกัน เพราะหากมีการเข้าถึงถุงยางอนามัยอย่างทั่วถึง จะส่งผลให้ความเจ็บป่วยและการรักษาลดลง” ทพ.อรรถพรกล่าว

ส่วนคำอธิบายเกี่ยวกับตู้อัตโนมัตินั้น ดร.วชิรธร คงสุข กรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ได้นำนวัตกรรมการจำหน่ายสินค้า อุปโภค บริโภค ผ่านเครื่องอัตโนมัติของบริษัท มาปรับกระบวนการเพื่อให้บริการสอดคล้องกับนโยบายและหลักเกณฑ์ของ สปสช. ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์อุปนิสัยส่วนตัวของคนไทยที่ส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไปขอรับถุงยางอนามัยผ่านเครือข่ายสถานพยาบาลที่ให้บริการในปัจจุบัน

ขณะที่ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้ยืนยันถึงยุทธศาสตร์และแนวทางพัฒนาของเมืองพัทยา ที่มีภารกิจสำคัญหนึ่งคือ การมุ่งคุ้มครองและป้องกันปัญหาโรคระบาด โรคอุบัติใหม่ และโรคอุบัติซ้ำว่า ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เช่นเดียวกับกรณีปัญหาท้องไม่พร้อม ซึ่งเป็นปัญหาทางสังคม

“เมื่อ สปสช.มีสิทธิประโยชน์บริการถุงยางอนามัยและบริการคุมกำเนิดที่ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เมืองพัทยาก็พร้อมสนับสนุนการดำเนินการในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์กับประชาชนโดยตรง ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว สะท้อนถึงความใส่ใจของหน่วยงานภาครัฐและเมืองพัทยาต่อการดูแลสุขอนามัยของประชาชน” นายกปรเมศวร์กล่าว

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ชลบุรี ให้ข้อมูลว่า จ.ชลบุรี มีกลุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยแรงงาน และกลุ่มความหลากหลายทางเพศ แต่เมื่อดูรายละเอียดจะพบว่า กลุ่มผู้ให้บริการทางเพศ โดยเฉพาะกลุ่มชาย จะมีสัดส่วนการใช้ถุงยางอนามัยที่น้อย ฉะนั้น หากสามารถขยับการใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้นในกลุ่มผู้ให้บริการทางเพศ ก็จะควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีขึ้น รวมถึงบริการถุงยางอนามัยและบริการคุมกำเนิด ก็เป็นบริการสุขภาพที่จำเป็นที่นำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นกรณีท้องไม่พร้อม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาทิ โรคซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม กามโรคต่อมและท่อน้ำเหลือง และแผลเริมอ่อน เป็นต้น

“การมีสิทธิประโยชน์เหล่านี้ในระบบบัตรทอง ได้ช่วยให้คนไทยมีสิทธิเข้าถึงบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งยังเป็นการสนับสนุนงานควบคุมโรคของหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ให้สำเร็จและบรรลุเป้าหมาย โครงการ “เลิฟปัง รักปลอดภัยฯ” นี้ จึงถือเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นเตือนให้สังคมร่วมตระหนักและให้ความสำคัญต่อการป้องกันปัญหาท้องไม่พร้อม” นพ.อภิรัตกล่าวย้ำ

ด้าน นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การให้บริการสิทธิประโยชน์ถุงยางอนามัยผ่านบนแอพพ์ “เป๋าตัง” ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มช่องทางให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการถุงยางอนามัยอย่างทั่วถึงและเพียงพอทุกพื้นที่ ซึ่งจะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นบริการเพิ่มเติมจากการขอรับสิทธิอื่นๆ ด้านการคุมกำเนิด ผ่านกระเป๋าสุขภาพ อาทิ การใส่ห่วงอนามัย ฉีดยาคุมกำเนิด ฝังยาคุมกำเนิด และการรับยาเม็ดคุมกำเนิด ทั้งนี้ ธนาคารสนับสนุนโครงการส่งเสริมสุขภาพของ สปสช.มาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทย สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและสิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคพื้นฐานที่ภาครัฐมอบให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี มีข้อห่วงใยจาก นายจำรอง แพงหนองยาง” รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ หรือ SWING ที่มองว่า แม้ภาพรวมดี แต่เชื่อว่าอาจยังไม่ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มพนักงานบริการ ด้วยข้อจำกัดที่แม้เป็นตู้อัตโนมัติก็ต้องใช้บัตรประชาชนยืนยัน จึงอยากให้มีบริการถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดที่ไม่ต้องแสดงบัตรประชาชนหรือเปิดเผยตัวตนด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image