เมื่อวันที่ 9 กันยายน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมี รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นโดยทั่วไป ตามมาตรา 18 (13) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ประจำปี 2566 และเห็นชอบแนวทางโครงการปฏิรูปการรับฟังความคิดเห็น ปีงบประมาณ 2567 นำเสนอโดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ประธานอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความเห็นฯ โดยการรับฟังความคิดเห็นในปี 2566 ดำเนินการภายใต้หลักการ 3 ข้อ คือ เน้นบูรณาการกับงานประจำตลอดทั้งปี เพิ่มช่องทางการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายและตอบสนองข้อเสนอระดับเขตอย่างรวดเร็วเป็นระบบ
“ผลจากการรับฟังความคิดเห็นพบว่ามีผู้ร่วมเสนอข้อคิดเห็นเพิ่มขึ้น จากประมาณ 8,000-9,000 รายในปีก่อนหน้า เพิ่มเป็นประมาณ 16,000 ราย โดยผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด ซึ่งมีข้อเสนอในระดับเขต 735 ข้อและกลั่นกรองมาเป็นข้อเสนอระดับประเทศ 506 ข้อ และเมื่อผ่านกระบวนการกลั่นกรองและรับฟังความคิดเห็นระดับประเทศ ก็สรุปข้อเสนอระดับประเทศออกมาได้ 32 ข้อ จึงได้ส่งมอบให้คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องในแต่ละด้านเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของแนวทางการปฏิรูปการรับฟังข้อคิดเห็นฯ ในปีงบประมาณ 2567 จะเน้นเพิ่มช่องทางการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ได้รับการตอบสนองดี อาจใช้เทคโนโลยีหรือช่องทางใหม่ๆ เข้ามาช่วยรับฟังความคิดเห็นให้มากขึ้น” ทพ.อรรถพร กล่าว
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะใช้กลไกการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย เพิ่มกลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ และบูรณาการการรับฟังความคิดเห็นกับงานประจำให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมทั้งมีการประเมินความพึงพอใจ ประชาสัมพันธ์สื่อสารสาธารณะให้ประชาชนทราบถึงคุณค่าของการรับฟังความคิดเห็นและร่วมเป็นเจ้าของระบบ และจะมีการสรุปความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะอย่างเป็นระบบเป็นรายไตรมาส สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อเสนอแต่ละเรื่องอยู่ในขั้นตอนไหนแล้วบ้าง ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. ได้รับทราบและอนุมัติแผนงานรับฟังความคิดเห็นทั่วไปประจำปี 2567 รวมทั้งได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ควรจะมีการนำเสนอข้อมูลขาลงแก่ผู้เสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ เพื่อชี้แจงว่าในแต่ละประเด็นแต่ละเรื่องที่ สปสช. ได้รับฟังมาแล้วนั้น ได้มีการดำเนินการอย่างไรต่อ มีการแก้ไขในระดับเขตหรือผลักดันเข้าสู่กระบวนการอย่างไรเป็นต้น และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นแบบ onsite เนื่องจากผู้เข้าร่วมเสนอความคิดเห็นที่มาจากกลุ่มหรือเครือข่ายต่างๆ จะได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกทางหนึ่งด้วย
