ประสิทธิ์ชัย ลั่น ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ “ร่างพ.ร.บ.กัญชา” ฉบับใหม่ จ่อส่งหนังสือถึง ชลน่าน 23 ม.ค.

ประสิทธิ์ชัย ลั่น ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ “ร่าง พ.ร.บ.กัญชา” ฉบับใหม่ ต้อนคนกลับไปปลูกใต้ดิน จ่อส่งหนังสือถึง ชลน่าน 23 ม.ค.

เมื่อวันที่ 15 มกราคม นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. … ซึ่งเป็นร่างที่จะเสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้เข้าร่วมเวทีสาธารณะที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ารับฟัง ซึ่งตนขอเรียนว่า ประเด็นแรกของร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับดังกล่าว ไม่สามารถชี้ทิศทางกัญชาไทย ว่าจะไปในลักษณะไหน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบทกำกับ บทลงโทษ และการกำกับบทลงโทษนี้ไม่ตั้งอยู่ในข้อเท็จจริง เช่น การสันทนาการ ที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับเดิม โฟกัสเรื่องเดียวคือ การสูบที่ก่อผลกระทบต่อผู้อื่น จึงระบุว่าห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะ จึงเป็นการไม่ล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว

“แต่ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับใหม่ ระบุว่าห้ามใช้ในทางสันทนาการ แต่ไม่มีการระบุถึงเรื่องนิยามการใช้เพื่อสันทนาการ หรือการใช้เพื่อสุขภาพ เป็นการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน ซึ่งหากมีการตีความว่าใช้เพื่อสันทนาการก็จะผิดกฎหมาย จะถูกจับปรับสูงถึง 6 หมื่นบาท ซึ่งตรงนี้เป็นช่องว่างในการขูดรีดและเอารัดเอาเปรียบประชาชน” นายประสิทธิ์ชัยกล่าว

นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า ส่วนประการที่ระบุว่าไม่สามารถชี้ทิศทางกัญชาไทยได้นั้น เพราะว่าร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้ เป็นการใช้เพื่อทางการแพทย์ แต่ไม่มีมาตรการเพื่อภูมิปัญญาไทย ด้วยการตัดหมวดสำคัญในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับเก่าออก คือ สิทธิการปลูกและการใช้ในครัวเรือน ที่ถูกตัดออกไปเลยจะเหลือเพียงการปลูกเพื่อจำหน่าย ในที่นี้หมายความว่า แม้ว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะบอกว่าคนไทยทุกคนสามารถขออนุญาตปลูกกัญชาได้ แต่มาตรการกำกับและบทลงโทษ ทำให้คนทั่วไปแทบไม่อยากปลูก ซึ่งจะส่งผลให้หลังจากนี้ คนเลือกจะไม่ขออนุญาตปลูก แล้วกลับไปปลูกแบบใต้ดินเช่นเดิม เพราะว่าถ้าขออนุญาตปลูกแล้ว ก็จะถูกควบคุมด้วยมาตรการที่มากเกินไป ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ถูกกลั่นแกล้งกันได้ด้วย เช่น การให้อำนาจเจ้าพนักงานในการเข้าตรวจค้นพื้นที่ปลูกหรือในรถ

Advertisement

เมื่อถามว่าหลังจากที่คุยกับ รมว.สธ. ในวันที่ 12 ม.ค. เหมือนหรือต่างจากวันแรกที่ได้คุยกัน นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า หลายๆ เรื่องไม่เหมือนที่คุยกันไว้ กลายเป็นว่ามาตรการแรงกว่าตอนเป็นยาเสพติด กลับกลายเป็นคนที่ไม่ขออนุญาตปลูกจะดีกว่าคนที่อนุญาต เพราะถ้าขออนุญาตก็จะมีโทษหลายชั้น เช่น การพักใช้ใบอนุญาต ต้องไปขออุทธรณ์ หรือถ้ากระทำผิดซ้ำก็จะมีการปรับจับ จำคุก แต่ถ้าไม่ได้ขอแล้วปลูกกัญชา ก็จะมีโทษชั้นเดียวคือ จับปรับ

เมื่อถามว่าหลังจากนี้เครือข่ายฯ จะทำอย่างไรต่อ นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับเราไปแล้ว แต่ต้องอาศัยการลงรายชื่อถึง 10,000 รายชื่อ ส่วนร่างโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใช้เพียง 20 รายชื่อเท่านั้น และที่สำคัญคือ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับหลักที่จะถูกเสนอต่อ ครม. คือร่างที่เสนอโดยรัฐบาล ฉะนั้น วิธีเดียวที่เครือข่ายฯ จะทำได้ตอนนี้คือ การเสนอความเห็นต่อร่างที่ นพ.ชลน่าน จะนำเสนอต่อ ครม. โดยเครือข่ายจะทำหนังสือถึง รมว.สธ. อีกครั้งในวันที่ 23 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image