สปสช.ปรับระบบกองทุนผู้ป่วยนอกโมเดล5 เฉพาะ กทม. ขอ รพ.รับส่งต่อดูแลผู้ป่วยช่วงเปลี่ยนผ่าน

1 มี.ค.สปสช.ปรับระบบกองทุนผู้ป่วยนอกโมเดล5 เฉพาะ กทม.ขอ รพ.รับส่งต่อดูแลผู้ป่วยช่วงเปลี่ยนผ่าน

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้จัดประชุมชี้แจงผ่านระบบออนไลน์ เกี่ยวกับ “การดำเนินการบริหารกองทุนผู้ป่วยนอกกรณีโมเดล 5” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ตามข้อเสนอของสถานพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเริ่มระบบใหม่ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ โดยมี นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานวิเคราะห์ข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการกรณีผู้ป่วยนอก การส่งต่อ และการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ทพญ.น้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานการประชุมฯ ร่วมชี้แจง ซึ่งมีตัวแทนหน่วยบริการทั้งโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ เข้าร่วมกว่า 250 ราย อาทิ โรงพยาบาล     (รพ.) ราชวิถี รพ.ศิริราช รพ.วชิรพยาบาล สถาบันโรคผิวหนัง เป็นต้น

นพ.สนั่น กล่าวว่า ย้ำว่ากรณีการปรับการบริหารกองทุนผู้ป่วยนอก โมเดล 5 ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ไม่รวมถึงพื้นที่จังหวัดอื่น ด้วยผลกระทบที่เกิดกับหน่วยบริการปฐมภูมิ โดยเฉพาะคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ เบื้องต้น สปสช. จึงได้ทำการปรับการบริหารจัดการตามข้อเสนอฯ ที่เป็นรูปแบบเหมาจ่ายรายหัว (Capitation) ส่งผลให้หน่วยบริการที่รับส่งต่อ (รพ.รับส่งต่อ) ผู้ป่วยนอกจากหน่วยบริการปฐมภูมิ จะต้องทำการเรียกเก็บค่าบริการจากหน่วยบริการปฐมภูมิที่ทำการส่งต่อผู้ป่วยแทน จากเดิมที่เป็นการเรียกเก็บตามรายการบริการจาก สปสช.

Advertisement

“อย่างไรก็ดี ด้วยเป็นการปรับการบริหารจัดการอย่างกระทันหัน และจะเริ่มในวันที่ 1 มีนาคมนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วย สปสช. จึงขอความร่วมมือโรงพยาบาลรับส่งต่อในการดูแลผู้ป่วยส่งต่อที่มีนัดหมายรับบริการก่อน พร้อมขอแจ้งผู้ป่วยให้ติดต่อหน่วยบริการปฐมภูมิที่ได้ขึ้นทะเบียนใช้สิทธิบัตรทอง เพื่อประเมินอาการในการรับบริการครั้งต่อไป โดยในรายที่หน่วยบริการปฐมภูมิประเมินแล้วว่า มีศักยภาพที่จะให้การรักษาได้ ก็จะได้รับการดูแลต่อเนื่องที่หน่วยบริการปฐมภูมินั้น แต่ในรายเกินศักยภาพการบริการก็มีการออกใบส่งตัวผู้ป่วย เพื่อเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรับส่งต่อเนื่องต่อไป” นพ.สนั่น กล่าว

ส่วนกรณีการให้บริการผู้ป่วยนอกที่ไม่มีใบส่งตัวนั้น นพ.สนั่น กล่าวว่า จากแนวทางการเบิกจ่ายของ สปสช.  โรงพยาบาลที่ให้บริการจะเบิกจ่ายจาก สปสช. ได้ใน 2 กรณี คือ กรณีอุบัติเหตุ เจ็บป่วยฉุกเฉิน และผู้ป่วยนอกข้ามจังหวัด (OP AE) และบริการปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ (OP Anywhere) เท่านั้น

Advertisement

“ขณะนี้อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านของการบริหารจัดการ เบื้องต้นวันที่ 1 มีนาคมนี้ ไม่ได้ห้ามโรงพยาบาลให้บริการผู้ป่วยที่มีนัดส่งต่อ สามารถให้บริการตามสมควรแก่เหตุ ทั้งกรณี OP AE หรือ OP Anywhere และขอให้ผู้ป่วยกลับไปประเมินอาการที่คลินิกต้นสังกัดที่ขึ้นทะเบียนสิทธิไว้ ซึ่งในกรณีที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นทางการแพทย์คลินิกก็จะส่งต่อกลับมารักษาที่โรงพยาบาล” นพ.สนั่น กล่าว

ด้าน ทพญ.น้ำเพชร กล่าวว่า ขณะนี้ สปสช. ได้เร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลการปรับระบบโมเดล 5 ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ รับทราบ โดยระบบจะเริ่มในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ที่ค่อนข้างกระชั้นชิด แต่มีความจำเป็น และจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ผู้แทนโรงพยาบาลได้แสดงความเห็นในวันนี้ ไปพัฒนาระบบรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายการยา OP Anywhere เป็นต้น

“และขอย้ำเพิ่มเติมว่า หน่วยบริการที่ออกใบส่งตัวผู้ป่วยนอกได้นั้นต้องเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิที่ผู้ป่วยขึ้นทะเบียนสิทธิไว้เท่านั้น เนื่องจากจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับโรงพยาบาลที่รับส่งต่อผู้ป่วย ขณะที่โรงพยาบาลก็ต้องเรียกเก็บค่ารักษากับหน่วยบริการปฐมภูมิเท่านั้น เนื่องจากเป็นหน่วยบริการที่รับงบประมาณในการดูแลผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนสิทธิกับหน่วยบริการ” ทพญ.น้ำเพชร กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image