สมศักดิ์ สั่งรุกกวาดล้าง ขอ สธ.ทน 3 ปีเหนื่อยบำบัดคนติดยา ชี้ที่ผ่านมามีเครื่องมือไม่รู้จักใช้

สมศักดิ์ มอบนโยบาย สธ. ‘5+5 เร่งรัดสานต่อ’ รุกกวาดล้างยาเสพติด ขอบุคลากร ‘อดทน 3 ปี’ เหนื่อยบำบัดคนติดยา ชี้ ที่ผ่านมามีเครื่องมือแต่ไม่รู้จักวิธีใช้

เทิ้อเวลา 16.30 น. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงมอบนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี พ.ศ.2567 – 2568 โดยมีผู้บริหารสธ.ทุกระดับเข้าร่วม

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนดีใจที่ได้กลับมาอยู่ท่ามกลางพี่น้องสธ.ที่เป็นผู้มีความสามารถ ความเสียสละในการดูแลประชาชนทั้งประเทศให้แข็งแรง ตนจะมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในนโยบาย 5+5 เร่งรัดพัฒนาสานต่อ โดยการเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ 5 นโยบาย ประกอบด้วย

1.นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้แก่ เชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาได้ทั่วประเทศ, เชื่อมโยงข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการผ่าน FDH, ลดความแออัด ลดรอคอยด้วยการเจาะเลือดใกล้บ้าน/นัดหมายออนไลน์/บริการจัดส่งยาทางไปรษณีย์/Health Rider และนโยบาย Thailand Health Atlas เข้าถึงกลุ่มเปราะบางในชุมชน 2.นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดอย่างบูรณาการ ได้แก่ ทบทวนกฎหมายการกำหนดปริมาณถือครองยาเสพติด, การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยอนุญาติให้ใช้เพื่อการแพทย์ และยกระดับการบำบัดรักษา ฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดและมินิธัญญารักษ์

Advertisement

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า 3.นโยบายการแพทย์ปฐมภูมิ ได้แก่ บูรณาการภารกิจถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.), การทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) พร้อมกับการยกระดับ Smart อสม., การจัดตั้งกองทุนสุขภาพตำบล สนับสนุนการดำเนินงานสาธารณสุขท้องถิ่น และควบคุมป้องกันวัณโรคและไข้เลือดออก 4.นโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ได้แก่ เสริมสร้างระบบนิเวศเพื่อส่งเสริมนโยบายอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสุขภาพ, ยกระดับบริการขออนุมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service), ศูนย์กลางการแพทย์มูลค่าสูง (Medical Hub and Advanc Therapy Medicinal Products – ATMPs), ยกระดับมาตรฐานการแพทย์แผนไทย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ และจัดตั้งหน่วยงานขับเคลื่อนภารกิจเศรษฐกิจสุขภาพ และ 5.นโยบายเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 50 เขต 50 โรงพยาบาล, สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ, ปรับโฉมโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ทั่วประเทศ และระบบส่งต่อแบบไร้รอยต่อ

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับ 5 นโยบายพัฒนาสานต่อ ประกอบด้วย 1.โครงการพระราชดำริฯ/เฉลิมพระเกียรติที่เกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์ ได้แก่ โครงการพาหมอไปหาประชาชน, โครงการราชทัณฑ์ปันสุข, โครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.)/โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ (รพก.)/โรงพยาบาลที่ได้รับพระราชทานนามชัยพัฒน์ หรือ รพ.ชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง และ โครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ 2.นโยบายสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร ได้แก่ สื่อสารสร้างความสัมพันธ์บุคลากร ผู้ป่วยและญาติ, ปรับปรุงบ้านพักบุคลากรสาธารณสุข, ลดภาระงาน ลดภาระหนี้สินของเจ้าหน้าที่ และ การจัดตั้ง ก.สธ. ออกจาก ก.พ.

3.นโยบายส่งเสริมสุขภาพกาย/สุขภาพจิต ได้แก่ เชิญชวนประชาชนออกกำลังกายทุกวันวันจันทร์, เข้าถึงจิตแพทย์และนักจิตวิทยาใกล้บ้าน โดย Telepsychiatry, จัดตั้งหน่วยงานบูรณาการดูแลสุขภาพจิตและยาเสพติด และจัดตั้งกองทุนบำบัดผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด

Advertisement

รมว.สธ.กล่าวว่า 4.นโยบายจัดตั้งสถานชีวาภิบาล ได้แก่ ผลิตผู้ดูแลผู้ป่วย, ดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่บ้าน และจัดตั้งกุฎิชีวาภิบาลทุกอำเภอทั่วประเทศ และ 5.นโยบายทุกคนปลอดภัย ได้แก่ ยกระดับดิจิทัลเฝ้าระวังและป้องกันโรค, การจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขทุกมิติ, ยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยวิกฤติอย่างครอบคลุม (UCEP) และจัดตั้งกองทุนความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

“ตลอดเวลา 20 วันที่ผมได้มาทำงานในกระทรวงฯ ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. เป็นเวลา 3 สัปดาห์ที่ได้เรียนรู้ หลายคนไม่รู้จักผม แต่หลายคนรู้จักผม เพราะผมได้แวะเวียนมาที่ สธ. ครั้งแรกในปี พ.ศ.2535 ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ตอนนั้นผมอายุ 30 กว่าปี ตอนนั้นยังอยู่ที่อยู่เทเวศ ตอนนั้นไม่ได้ทำงานเลย มีแต่ม็อบเต็มไปหมด ต่อมาครั้งที่ 2 ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทำงานอยู่ 17-18 วันก็มีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย จนชีวิตการเมืองทำให้ผมได้มาที่นี่เป็นครั้งที่ 3 ของการมาทำงานใน สธ. และเป็นรัฐมนตรีครั้งที่ 16 ของชีวิตผม” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่ขอให้บุคลากรสธ.ทั้งหลาย เสียสละเพราะทุกท่านเสียสละมาอย่างเต็มที่อยู่แล้ว คนอื่นทำได้ 3 อย่าง ทุกท่านทำได้ 10 อย่าง เพราะทุกท่านเก่ง ดังนั้น ตนขอให้ทำงานตามปกติ ตั้งแต่ที่ตนมาอยู่ สธ. ก็ได้เห็นท่านปลัดสธ. อธิบดีฯ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งข้อดีคือ สธ.มีผู้ช่วยรัฐมนตรีถึง 4 คน ทำให้การขับเคลื่อนงานทำได้ดี ตนคิดว่าเราจะไปได้ด้วยดี ส่วนที่มีความกังวลอยู่นั้น คือ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพราะตนกลัวเงินที่รัฐบาลให้มา 140,000 ล้านบาทจะไม่พอ ยกตัวอย่างเงินรายหัวที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายละ 3,600 บาท แต่ผู้ป่วยบางคนต้องไปอยู่ในเวลล์เนสเซ็นเตอร์ (Wellness Center) หลายวัน เงินในส่วนนี้ก็ไม่พอ แล้วจะทำอย่างไร เราจึงต้องมาช่วยดูว่าจะทำอย่างไรในการลดปริมาณผู้ป่วยที่จะเข้ามาหาบุคลากรการแพทย์น้อยลง เช่น การทำผ่าตัด 1 วัน (One Day Surgery : ODS) ที่ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นหลายวัน ซึ่งตอนนี้สามารถเบิกจ่ายได้ 19 รายการ ในขณะที่เรามี อสม. กว่า 1,070,000 คน กระจายอยู่ตามหมู่บ้านก็จะต้องนำมาช่วยงาน

“ส่วนที่ท่านอยากออกนอกกรอบของ ก.พ. เราต้องทำแผนงาน เตรียมทำกฎหมายไว้ ผมศึกษาดูแล้วเขาไม่ได้หวง แต่เราต้องทำงานอย่างหนัก แต่เราเก่งกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก เราทำได้ เราต้องช่วยกัน” นายสมศักดิ์กล่าว

รมว.สธ.กล่าวต่อว่า คนไทยในต่างจังหวัดส่วนหนึ่งมีปัญหาด้านรายได้ ความเป็นอยู่ แต่คนเชื่อในคำพูดของหมอมาก ดังนั้น ในด้านการส่งเสริมสุขภาพก็มีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจครัวเรือนเช่นกัน เราต้องทำให้ประชาชนเห็นภาพ เช่นเปรียบเทียบการเลิกบุหรี่วันละ 1 ซอง เท่ากับข้าวสาร 20 กระสอบ หมอพูดเขาจะเชื่อ สิ่งนี้จะกลับมาฟื้นเรื่องความยากจน และเรื่องสุขภาพ

“ปัญหาทั้งหลาย ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ บางอันผมก็ต้องช่วยในสิ่งที่ผมถนัดเพื่อให้การบริหารงานเดินหน้าไป เช่นการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ในขณะที่ผมเป็น รมว.ยุติธรรม ผมเห็นว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้บำบัดอะไรเลย แล้วผู้ป่วยจะหายได้อย่างไร ส่วนกระทรวงยุติธรรมก็ได้ออกกฎหมายยึดทรัพย์ แต่คณะกรรมการชุดหนึ่งก็ปล่อย แบบนี้จะไปหมดได้อย่างไร ดังนั้น ออกกฎหมายมา แต่ไม่มีการชี้แจงให้ผู้เกี่ยวข้องรู้จักเครื่องมือ ก็ทำให้ยึดได้น้อยมาก ถ้าเราตัดตอนผู้ค้าไม่ได้ ในคุกก็จะเต็มไปด้วยผู้ขนยากว่า 250,000 คน และต่อไปจะเต็มคุกอีกเพราะเราจะทำนโยบาย 1 ผู้เสพ ต้องมี 1 ผู้ค้ารายย่อย และต้องสืบย้อนหลังมาอีก ถ้าค้ามา 10 ปี ก็ต้องคิดมูลค่าแล้วยึดทรัพย์ 10 ปีนั้น ถ้าใช้เครื่องมือเป็นกระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องเหนื่อยบำบัด แต่ 3 ปีนี้ทนหน่อย ต้องบำบัดกันเยอะ” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า นโยบาย 5 บวก 5 เร่งรัด พัฒนา สานต่อ ที่กล่าวมานั้นต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจ ของพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกคน และตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเรา จะร่วมกันแสดงพลัง ทุ่มเท เสียสละ และทำงานไปด้วยกัน ตนขอให้คำมั่นกับทุกท่านว่า พร้อมสนับสนุน ช่วยเหลือ และร่วมแก้ปัญหากับท่าน เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image