สภากทม.ฉลุย! ‘เพิ่มเงินช่วยเหลือ’ ครอบครัวผู้ประสบภัย พร้อมเครื่องมือประกอบอาชีพ

สภา กทม.เห็นพ้องเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย เยียวยาครอบครัว ตั้งวิสามัญพิจารณา หลังใช้เกณฑ์มาตั้งแต่ปี 36

เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 2) ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เข้าร่วมประชุม

ในระเบียบวาระที่ 6 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย (ฉบับที่…) พ.ศ. … เนื่องจาก กทม.มีภารกิจด้านการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยปฏิบัติงานภายใต้ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2536 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 ซึ่งได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว ประกอบกับปัจจุบันความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว

Advertisement

โดยเพิ่มเติมในประเภทการเงิน ในส่วนของเงินสงเคราะห์ครอบครัว สำหรับกรณีผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงดูครอบครัว และค่าดำรงชีพ และปรับปรุงการให้ความช่วยเหลือในด้านสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค เครื่องครัว เครื่องมือประกอบอาชีพ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน เพื่อให้การดำเนินการด้านการสงเคราะห์และช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงขอเสนอข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อให้สภากรุงเทพมหานครได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ส.ก.ได้ร่วมอภิปรายสนับสนุนญัตตินี้หลายท่าน ได้แก่ นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ.2554 เขตดอนเมืองได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยจากเหตุภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งปัญหาหลักในการเยียวยาผู้ประสบภัยคือความไม่เพียงพอของการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งจำนวนเงินเยียวยาที่ได้รับไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ จึงอยากให้เพิ่มจำนวนเงินช่วยเหลือให้เหมาะสมกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

Advertisement

นางกนกนุชกล่าวว่า อยากให้พิจารณาจ่ายเงินเยียวยา การส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคต่างๆ ให้รวดเร็วและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ในการฟื้นฟูด้านจิตใจและด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลหรือมีโรคประจำตัว รวมถึงการฟื้นฟูชีวิตหลังประสบสาธารณภัย เช่น ภาระงาน ภาระหนี้สิน โดยให้การส่งเสริมอาชีพหรือการจัดหาเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ดำรงชีวิตได้หลังจากกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ด้าน น.ส.นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ ส.ก.เขตคลองสามวา กล่าวว่า การปรับปรุงร่างข้อบัญญัติเป็นเรื่องที่ดี แต่การปรับปรุงเชิงนโยบายและการจัดการระบบช่วยเหลือใน กทม. โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาบูรณาการเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยควรใช้ Traffy fondue ที่ กทม.มีการใช้งานอยู่แล้วให้สามารถแจ้งเตือน และให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้ลงทะเบียนผู้ประสบภัยได้ และควรพิจารณาจัดตั้งศูนย์ประสานงานแบบบูรณาการ ที่สามารถนำหน่วยงานและกำลังคนหลายภาคส่วนมาให้ความช่วยเหลือร่วมกัน มีการสนับสนุนด้านสุขภาพกายและจิตใจ เช่น คลินิกสุขภาพเคลื่อนที่ นักจิตวิทยา นักจิตบำบัดให้คำปรึกษาต่อประชาชน

ด้าน น.ส.ปิยะวรรณ จระกา ส.ก.เขตสวนหลวง กล่าวเสริมว่า ด้านการเพิ่มจำนวนเงินสงเคราะห์ควรมีให้เพียงพอต่ออัตราค่าครองชีพในปัจจุบัน ด้านความรวดเร็วในการเบิกจ่ายเงินควรมีการปรับปรุงขั้นตอนให้ง่ายยิ่งขึ้น หรือนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยติดตามขั้นตอนการเบิกจ่ายทางการเงิน

ขณะที่ นายตกานต์ สุนนทวุฒิ ส.ก.เขตหลักสี่ อภิปรายสนับสนุนญัตติดังกล่าวว่า ร่างข้อบัญญัติฉบับใหม่นี้ควรมีการกำหนดเพดานขั้นต่ำในการเยียวยา และให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆ เป็นผู้ประเมินความเสียหายและความเหมาะสมของเงินเยียวยาที่ผู้ประสบภัยควรจะได้รับ

จากนั้นที่ประชุมสภา กทม.ได้มีมติเห็นชอบรับหลักการแห่งร่างข้อบัญญัตินี้ และได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย (ฉบับที่…) พ.ศ. … จำนวน 16 ท่าน โดยกำหนดระยะเวลาการแปรญัตติ 7 วันทำการ และกำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image