นายบุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (ซีเอ็มเอ็มยู) เปิดเผยระหว่างการเสวนาการตลาด “Lonely in the Deep เจาะลึกตลาดคนเหงา” ว่า จากงานวิจัย การตลาดคนเหงา เทรนด์มาร์เก็ตติ้งที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยเน้นศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของตัวอย่างกลุ่มคนเหงา มาต่อยอดสู่ธุรกิจบลูโอเชียนที่มีความแปลกแตกต่างจากธุรกิจเดียวกัน จากการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มประชาชนผู้บริโภค จำนวน 1,126 คน พบว่า ปัจจุบันตัวเลขตลาดคนเหงาในประเทศไทย มีจำนวนสูงกว่า 26.75 ล้านคน
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้มีภาวะความเหงาสูงสุด ได้แก่ วัยเรียน ในอัตรา 33% และวัยทำงาน ในอัตรา 34.7% ตามลำดับซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการเลือกใช้ 3 กิจกรรมจัดการความเหงา ได้แก่ โซเชียลมีเดีย, เข้าร้านอาหารหรือคาเฟ่ และการออกไปเลือกซื้อสินค้า เป็นต้น ในขณะที่วัยกลางคน และผู้สูงอายุ มีระดับความเหงาน้อยกว่า เนื่องจากมีความพร้อมด้านการจัดการอารมณ์ และรายได้เพื่อประกอบกิจกรรมคลายเหงามากกว่ากลุ่มวัยรุ่น
นายบุญยิ่ง กล่าวว่า การขยายตัวของตลาดคนเหงาในประเทศ จะส่งผลให้กลุ่มธุรกิจรองรับความต้องการคนเหงาเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากเทรนด์โลนลี่มาร์เก็ต หรือ ตลาดคนเหงา ได้แก่ 1.ธุรกิจคอมมิวนิตี้ อาทิ ร้านอาหาร, คาเฟ่ และการบอร์ดเกมส์ เป็นต้น 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโค-สเปซ 3.ธุรกิจดิจิทัล อาทิ แอพพลิเคชัน, ออนไลน์แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น 4.ธุรกิจสัตว์เลี้ยง และ5.ธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นตลาดธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนเหงา และเข้ากับไลฟ์สไตล์คนเหงาในปัจจุบันเป็นอย่างดี
