‘ชิม ช้อป ใช้’กระตุ้นเชื่อศก.ภาคใต้ แต่เซ็งฝุ่นพิษมาทุกปี วอนรัฐแก้ระยะยาว

หาดใหญ่โพลเผยดัชนีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้เพิ่มขึ้นจากมาตรการชิม ช้อป ใช้-เทศกาลเดือนสิบ-เทศกาลกินเจ ชี้หมอกควันอินโดฯ-ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ค่าครองชีพฉุดความเชื่อมั่นลด

วันที่ 2 ต.ค. ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ 420 ตัวอย่าง ด้านเศรษฐกิจและสังคมพบว่าโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ส.ค. ดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว ฐานะการเงิน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

“ปัจจัยจาก เดือน ก.ย.เป็นช่วงเทศกาลทำบุญเดือน10 คนภาคใต้ที่เป็นไทยพุทธเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อกราบไหว้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และใช้จ่ายซื้อของทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว และวันที่ 28-30 ก.ย. เป็นช่วงเริ่มต้นของประเพณีกินเจของคนไทยเชื้อสายจีนในหลายจังหวัดในภาคใต้ จ.ภูเก็ต ตรัง ชุมพร จ.พังงา และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คนไทยเชื้อสายจีนได้ออกมาจับจ่ายใช้สอย ซื้ออาหารเจ และซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร”

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในการสนับสนุนการใช้จ่ายสินค้าและการท่องเที่ยว“ชิม ช้อป ใช้”ที่เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 23 ก.ย.62 ให้สิทธิ์เงิน 1,000 บาทกับประชาชน 10 ล้านคน เพื่อใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวของประชาชน

Advertisement

“ประชาชนภาคใต้บอกว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชนในทุกระดับชั้น และทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจดีขึ้น ควรปรับปรุงระบบให้สามารถใช้งานง่าย สะดวกและรวดเร็ว การดำเนินการยากมากตั้งแต่ลงทะเบียน สแกนหน้า และจ่ายเงิน”

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ความปลอดในชีวิตและทรัพย์สินปรับตัวลดลง เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างประสบปัญหาหมอกควัน PM 2.5 จากประเทศอินโดนีเซียที่พัดผ่านเข้ามา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ฝุ่น เป็นปัญหาที่เกิดประจำทุกปีและควรได้รับการแก้ไขจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.60 และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.80 ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 35.60 และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 32.60 ความสุขในการดำเนินชีวิตจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.60 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.10 และการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.60

Advertisement

“ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด คือ ค่าครองชีพ คิดเป็นร้อยละ 29.70 ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำร้อยละ 23.10 และราคาสินค้าสูงร้อยละ 17.40 ปัญหาเร่งด่วนรัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรกค่าครองชีพและราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image