ซูเปอร์โพลกังวล “วิ่งไล่ลุงตู่” ทำเศรษฐกิจพัง จี้รบ.เร่งแก้ด่วน ผลโหวต 77.9% ผิดหวังส.ส.ทำงานไม่คุ้มเงินภาษี

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล โดยดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ข้อกังวลของประชาชนกับวิ่งไล่ลุง” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research)และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล”(Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 9,825 ตัวอย่าง และ“เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม”(Traditional Voice) จำนวน 1,162 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 7ธันวาคม 2562

เมื่อถามความเห็นของประชาชนต่อความคุ้มค่าเงินภาษีประชาชนกับการทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.9 ระบุ ไม่คุ้มค่าเลย ขณะที่ร้อยละ 22.1 ระบุ คุ้มค่าแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึงข้อกังวลจะเกิดเหตุขัดแย้งรุนแรงบานปลายของคนในชาติ เกิดจลาจลเหมือนบางประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำลงไปอีก จากกลุ่มเคลื่อนไหว วิ่งไล่ลุง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.8 กังวล เพราะมีทั้งฝ่ายหนุนฝ่ายต้าน จะเผชิญหน้ากัน เศรษฐกิจกำลังแย่จะแย่ลงไปอีก ไม่ดีเลยแบบนี้ มีแต่แพ้ สุดท้ายประชาชนนั่นแหละคือผู้แพ้ บ้านเมืองจะวุ่นวาย ประเทศชาติเดินต่อไปไม่ได้ หยุดชะงักไปหมดเป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 37.2 ไม่กังวล เพราะไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่คิดว่าจะมีใครซ้ำเติมประเทศอีก รัฐบาลน่าจะควบคุมได้อยู่ และคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เป็นต้น

ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า กลุ่มเคลื่อนไหว วิ่งไล่ลุง กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 3,309,588 คน หรือ สามล้านกว่าคน แต่มีคนที่สนใจพูดถึง กลุ่มเคลื่อนไหว วิ่งไล่ลุงในโลกโซเชียล จำนวน 28,956 คน หรือเกือบสามหมื่นคน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับเชิงลบมีอยู่ร้อยละ 56.7 ในขณะที่เสียงตอบรับเชิงบวกมีร้อยละ 43.3 “นอกจากนี้สิ่งที่ค้นพบในเครือข่ายกลุ่มเคลื่อนไหว “วิ่งไล่ลุง”คือ กลุ่ม “เดินเชียร์ลุงตู่” มีการนัดหมายรวมตัวกันต้นปีหน้า ที่กรุงเทพและมีชื่อพรรคการเมือง ชื่อนักการเมือง ชื่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองจึงน่าเป็นห่วงเพราะนักการเมืองที่ดีเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยต้องเป็นแกนนำในการลดความขัดแย้งของคนในชาติ หรือนำเอาความขัดแย้งไปแก้ไขกันในระบบสภาฯ ไม่ใช่เป็นต้นตอแห่งความขัดแย้งเสียเอง และยังค้นพบด้วยว่ามีการใช้ถ้อยคำเชิงจิตวิทยาที่อาจจะทำให้เกิดการคล้อยตามเป็นพฤติกรรมหมู่ (Collective Behavior) ออกมาเผชิญหน้ากันได้ระหว่างฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนในสัดส่วนพอ ๆ กัน ดังนั้น ถ้าไม่มีวิธีบริหารอารมณ์สาธารณชนที่ดี หรือไม่เร่งทำอะไรบางอย่างเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองและความไม่ปกติสุขของประชาชนได้” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image