กรมศุลฯ แจง เก็บภาษีสินค้า ตปท. ชี้ลืมของ-ส่งกลับไทย ถ้ามีหลักฐานไม่ต้องเสียภาษี
จากกรณี กระทรวงการคลังจะพิจารณาปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ โดยจะให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ในสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์และส่งไปรษณีย์เข้ามาจากต่างประเทศทุกชนิดราคา พร้อมกับเลิกยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท โดย กรมศุลกากรจะมีการตรวจสแกนสินค้าที่ส่งนำเข้ามาได้ทั้ง 100% โดยไม่ใช่วิธีสุ่มตรวจอีก จนถูกโลกออนไลน์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เป็นมาตรการที่หนักไปหรือเปล่านั้น
จากข่าว – เพจดังถาม ‘ไม่หนักไปเหรอ’ รัฐเก็บภาษีสินค้าจากตปท.ทั้งหมด เลิกเพดานขั้นต่ำ ของลืมไว้ส่งกลับยังโดน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ อีเจี๊ยบ เลียบด่วน โพสต์ข้อความถึงกรณีเพื่อนลืมที่ชาร์จแบตไว้ที่โรงแรมและถูกส่งกลับมาไทยทางไปรษณีย์ ชาร์จมันมีราคาเกิน 1,500 บาทจึงถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) 7% ว่า ในหลักการของกฎหมายสินค้าที่ถูกส่งทางไปรษณีย์หากมีราคาเกินกว่า 1,500 บาทต้องเสียภาษีทั้งแวต เป็นของกรมสรรพากรและภาษีนำเข้าของกรมศุลกากร แต่หากต่ำกว่า 1,500 บาทได้รับการยกเว้นภาษี
อย่างไรก็ตาม หากเป็นของส่วนตัวที่นำติดตัวไปต่างประเทศ แล้วไปลืมทิ้งไว้ และโรงแรมส่งกลับมานั้นไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษี แต่เจ้าตัวต้องมีหลักฐานไปแสดงยืนยันว่าเป็นของที่นำออกไปจากไทยและลืมทิ้งไว้ที่โรงแรมจริงๆ รวมถึงต้องดูสภาพของสิ่งของด้วย เช่น ถ้ามีสภาพเก่า ก็ไม่น่าจะต้องเสียภาษี โดยไม่แน่ใจกับกรณีดังกล่าวว่าสายชาร์จทำไมมีราคาสูงถึง 1,500 บาท
“หากถูกเรียกเก็บภาษีถ้าเจ้าของมีหลักฐานหรือข้อมูล ว่าเป็นของที่นำติดตัวออกจากไทย ก็ไม่ต้องเสียภาษี โดยหลักฐาน เช่น รูปถ่าย สภาพการใช้งาน หรือหลักฐานอะไรก็ได้ไปแสดงแย้งกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งปกติถ้าเป็นของที่สภาพเก่า และไม่ใช่ของราคาแพงที่ซื้อขายกันมือ 2 ในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่คงไม่ไปเรียกเก็บภาษีดังกล่าว” นายชัยยุทธ กล่าว
