นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 โดยสำรวจระหว่างวันที่ 11-20 ธันวาคม 2562 จำนวน 1,223 รายทั่วประเทศ พบว่า คนไทย 17.0% เห็นว่าบรรยากาศในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 จะคึกคักมากกว่าปี 2562 ขณะที่ 43.2% เห็นว่าจะคึกคักพอๆ กับปี 2562 โดยคาดการใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวและซื้อสินค้า รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้จะมีเงินสะพัดรวม 137,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันจากปีก่อนหน้า 1.9 % ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่โตต่ำสุดในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการสำรวจในปี 2550
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับพฤตกิรรมการใช้จ่ายเงินในช่วงปีใหม่ พบว่า แบ่งเป็นการใช้จ่ายสำหรับตัวเองสูงสุด 24.6% ใช้จ่ายสำหรับคนอื่น 1.3% และใช้จ่ายทั้งตัวเองและผู้อื่น 74.1% โดย 3 พฤติกรรมแรกในการใช้จ่ายของประชาชนคือ การนำเงินไปทำบุญ 91% ใช้เงินกับการจัดเลี้ยงสังสรรค์ 90.7% และใช้เงินในการท่องเที่ยว 76.8% ส่วนการเดินทางออกไปเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 พบว่า จะมีการท่องเที่ยวในประเทศ 84.7% มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 15,615 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่อยู่ที่ 14,448 บาทต่อคน โดยนิยมเที่ยวในภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่, เชียงราย, เพชรบูรณ์ และภาคกลาง อาทิ ชลบุรี, ระยอง, กาญจนบุรี ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศ อยู่ที่ 15.3% มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 58,842 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่อยู่ที่ 61,939 บาทต่อคน
“การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ โตต่ำสุดในรอบ 12 ปี ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับจีดีพีรวมที่คาดว่าจะโต 2.6% ทำให้ช่วงปีใหม่นี้ คาดว่าการใช้จ่ายจะไม่คึกคักมากเท่าปีที่ผ่านๆ มา สำหรับภาคการท่องเที่ยว จะเห็นว่าปีนี้คนส่วนใหญ่เดินทางเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยนิยมท่องเที่ยวในเอเชียมากสุด เพราะค่าเงินมีผลกับการตัดสินใจมาก สะท้อนให้เห็นถึงการระมัดระวังในการใช้จ่ายของประชาชน โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะเติบโตได้ถึง 3% ภายใต้งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่จะออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และการเร่งรัดอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาล โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2563”
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการปี 2563 คือ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน พัฒนาระบบการศึกษา ดูแลค่าครองชีพให้เหมาะสม การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ ดูแลลการมีงานทำและการงานสร้างรายได้ ดำเนินมาตรการเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ให้ความช่วยเหลือและพัฒนาเกษตรกร แก้ไขปัญหายาเสพติด แก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ควบคุมราคาสินค้าจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งได้ประเมินผลการแก้ไขปัญหารัฐบาลด้านต่างๆ จากคะแนนเต็ม 10 พบว่า การเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ ได้ 7.67 คะแนน แก้ปัญหาสังคม 6.23 คะแนน ปัญหาคอรัปชั่น 5.81 คะแนน ปัญหาเศรษฐกิจ 5.56 คะแนน ปัญหาโดยรวม 5.44 คะแนน ปัญหาความขัดแย้ง 5.34 คะแนน นอกจากนี้ ยังมองว่า ปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดคือ เศรษฐกิจโดยรวม 31% ปัญหาสังคม 26.5% เสถียรภาพทางการเมือง 21.9% และการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ 20.5%
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับคำอวยพรที่จะให้กับประเทศไทยในปีใหม่นี้ ขอให้สมเด็จพระราชินีในรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น ประเทศไทยปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ คนไทยกลุ่มต่างๆ มีความสมานฉันท์และภาคใต้สงบสุข ขอให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยอยากให้ของขวัญเป็นกำลังใจกับรัฐมนตรีมากที่สุดได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และอยากไปท่องเที่ยวกับนักการเมืองคนไทยมากที่สุดคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองลงมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนสิ่งที่ต้องการปรับปรุงมากสุดในปี 2563 ได้แก่ การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม 17.4% การใช้จ่ายอย่างประหยัด 16.9% และการเป็นคนดี 16.6%
