ชาวเพชรบูรณ์ โวยได้รับผลกระทบเผาอ้อยเกิด ‘หิมะดำ’ ปลิวเกลื่อนเมือง จี้จังหวัดใช้ยาแรงแก้ปัญหา

ชาวเพชรบูรณ์ โวยได้รับผลกระทบเผาอ้อยเกิด ‘หิมะดำ’ ปลิวเกลื่อนเมือง จี้จังหวัดใช้ยาแรงแก้ปัญหา

วันที่ 19 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สังคมโซเชียลมีเดียในจังหวัดเพชรบูรณ์ ยังคงร้อนระอุกับประเด็นการเผาไร่อ้อย-เผาป่า จนทำให้เกิดผลกระทบทั้งปัญหาการเกิดหมอกควันฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง และปัญหาเถ้าฝุ่นหรือหิมะดำจากการเผาไร่อ้อยปลิวลอยไปตกใส่บ้านพักและทรัพย์สินของประชาชนจนทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันค่อนข้างหนัก กระทั่งผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวได้โพสต์ภาพการเผาไร่เผา รวมทั้งภาพบ้านพักหรือรถยนต์ที่ถูกเศษเถ้าหรือหิมะดำตกใส่เกลื่อนกลาด พร้อมเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากทางโรงงานน้ำตาลและจิตสำนึกของชาวไร่

ขณะเดียวกันยังวิจารณ์ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ทำเพิกเฉยต่อปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน จนมีการเรียกร้องให้มีการใช้ยาแรงในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเหล่าคนดังเมืองเพชยงรบูรณ์ รวมทั้งนักวิชาการและแกนนำกลุ่มภาคประชาชน ต่างพากันเคลื่อนไหวและแสดงท่าทีคัดค้านการเผาอ้อยแบบไร้มาตรการควบคุม และการเผาป่าเตรียมแปลงเกษตรจนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปทั่วในขณะนี้ด้วย

นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ แกนนำกลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ กล่าวว่า ขณะนี้การเผามีความรุนแรงมาก เหมือนกับการเร่งเผาและเร่งทำกันมากขึ้น แต่สิ่งที่ประชาชนเรียกร้องกับไม่ได้รับการตอบสนองจากชาวไร่หรือโรงงานใดๆทั้งสิ้น และในส่วนภาคราชการที่อ้างแต่ PM2.5 อย่ามองประเด็นผิด ขณะนี้ตัองคิดถึงปัญหาเรื่องควัน หิมะดำ รถอ้อยและเรื่องการเผาอ้อยหรือเผาของต่างๆ โดยไม่ต้องเถียงกันเรื่องเครื่องวัดได้มาตรฐานหรือไม่ได้มาตรฐาน เพราะขณะนี้ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาแก้ไขปัญหา หรือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้เลย

“ตอนนี้ผมอึดอัดใจที่เสียงร้องของประชาชนที่กำลังทุกข์ร้อนขนาดนี้ ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ เวลานี้ควรต้องมีมาตรการอะไรออกมา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งระยะยาวทางเราได้เสนอไปแล้วโดยให้ทางโรงงานน้ำตาลต้องหารถตัดหรือรถคีบอ้อยให้เพียงพอ แต่มาตรการระยะสั้น ซึ่งขณะนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของเพชรบูรณ์ด้วย และถ้าหน่วยราชการ, กำนันผู้ใหญ่บ้าน, อบต. , ตำรวจ, นายอำเภอ หรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข่อง ช่วยกันเข้มงวดในแต่ละอำเภอจริง ก็เชื่อว่าปัญหานี้จะลดลงหรือเบาบางลงได้”นายวิศัลย์กล่าว

Advertisement

นายวิศัลย์กล่าวต่อว่า เวลานี้เข้าใจเป็นอย่างดีถึงอารมณ์ของชาวโซเชียลมีเดีย เพราะมีการปล่อยเอ้อระเหยลอยชายกันแบบนี้ และการจะปล่อยให้เผาอ้อยกันแบบนี้ถึง 3 ปี ทุกคนต่างรับไม่ไหวหรือไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว จึงเสนอให้ใช้ยาแรง และยิ่งมีข่าวจนเกิดกระแสบนสื่อโซเชียลกรณีนักท่องเที่ยวหลบปัญหาPM2.5 ที่ กทม. แต่ต้องมาเผชิญกับควันและไฟป่าบนเขาค้อ ประเด็นนี้จะกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัด รวมทั้งกระทบภาพลักษณ์ทำให้เกิดความเสียหาย จึงถึงเวลาแล้วที่จะทำกันอย่างจริงจัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image