ศาลปกครองสูงสุดยืนไม่รับฟ้อง“เครือข่ายเเม่กลอง”ขอเลิกเเบน 3 สารเคมี

ศาลปกครองสูงสุดยืนไม่รับฟ้อง “เครือข่ายเเม่กลอง”ขอยกเลิกเเบน3สารเคมี ชี้ ผู้ฟ้องไร้อำนาจ ยังไม่มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายให้เกิดผลกระทบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พฤษภาคม ที่สำนักงานศาลปกครอง ถ.เเจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ส. 26/2562คดีหมายเลขแดงที่ ส. 44/2562ระหว่าง นางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร เครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง กับพวกรวม 1,091คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการวัตถุอันตราย ,คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดสตูพืชที่มีความเสี่ยงสูง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , รวม 3 คน เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า มติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ที่ห้ามมิให้มีการผลิต การจำหน่าย การนำเข้า การส่งออก การมีไว้ในครอบครอง หรือการใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบจากมติดังกล่าว)

คดีนี้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มติของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ในการประชุมครั้งที่ 41- 9/2562เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 เป็นเพียงมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกรมวิชาการเกษตรที่ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตรายไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส และพาราควอต จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4อันเป็นเพียงขั้นตอนการเตรียมการที่จะจัดให้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่มีผลทางกฎหมายเป็นกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดที่จะนำมาฟ้องขอให้ ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนได้ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบกับมาตรา 72วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 เช่นเดียวกับมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2ในการประชุมครั้งที่ 4/2560ที่มีมติให้ยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส และพาราควอต ก็เป็นเพียงการเสนอความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีผลทางกฎหมายเป็นกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดของฝ่ายปกครองที่จะนำมาฟ้องขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนได้เช่นกัน ศาลปกครองกลางจึงไม่อาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้ง1,091 คนไว้พิจารณาได้

ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุดขอให้กลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้รับฟ้องคดีไว้พิจารณาพร้อมกำหนดมาตรการคุ้มครองการใช้สารเคมีทั้ง3 ชนิดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

Advertisement

ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์เเล้วเห็นว่าผู้ที่จะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้นั้นมาตรา 42 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 บัญญัติว่าผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองหรือกรณีอื่นใดที่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง

คดีจึงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2ในการประชุมครั้งที่ 4/2560เมื่อวันที่ 5 เม.ย.60 ที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำนวน 3 ชนิด ได้แก่ สารพาราควอตสารไกลโฟเซตและสารคลอร์ไพริฟอส มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ในการประชุมครั้งที่ 41-4/2562 เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่เห็นชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตราย 3ชนิด

จากวัตถุอันตรายประเภทที่ 3เป็นประเภทที่ 4 ตามที่กรมวิชาการเกษตรเสนอและการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรหรือหน่วยงานในสังกัดกำหนดแผนหรือมาตรการรองรับหรือแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายอันเป็นให้มีผลมีสิทธิ์เป็นผู้ฟ้องคดีหรือไม่

Advertisement

ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าสารทั้ง3ชนิดคือวัตถุอันตรายที่การผลิตการนำเข้าการส่งออกหรือการมีไว้ในครอบครองต้องได้รับใบอนุญาตตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2556 โดยมีกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายดังกล่าวเช่นนี้แล้วหากจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตรายไกลโฟเซตคลอร์ไพริฟอสและพาราควอตเพื่อประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจมีแก่บุคคลสัตว์พืชทรัพย์หรือสิ่งแวดล้อมจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3เป็น4 ตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างนั้นย่อมเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

โดยความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ที่จะออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตราย เพื่อให้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปและตราบใดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังมิได้มีการออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแก้ไขเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตรายไกลโฟเซตคลอร์ไพริฟอสและพาราควอตจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3เป็น4 แล้วนำประกาศกระทรวงดังกล่าวไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายย่อมมีผลให้วัตถุอันตรายไกลโฟเซตคลอร์ไพริฟอสและพาราควอตยังคงเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 อยู่เช่นเดิมดังนั้นการที่กรมวิชาการเกษตรซึ่งเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายไกลโฟเซตคลอร์ไพริฟอสและพาราควอตขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 พิจารณาให้ความเห็นกรณีกรมวิชาการเกษตรขอให้มีการเปลี่ยนชนิดของวัตถุอันตรายดังกล่าวจากวัตถุอันตรายในการประชุม เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงชนิดของวัตถุอันตรายไกลจึงเป็นเพียงการเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งมีลักษณะเป็นกฎหรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเพียงขั้นตอนของการออกกฎมาใช้บังคับเท่านั้นมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยังหามีผลทางกฎหมายไปกระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือก่อความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะก่อความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยง ได้แก่ บุคคลใดบุคคลหนึ่งผู้ฟ้องคดีทั้ง 1,091 จึงมิใช่ผู้มีสิทธิฟ้องคดี ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีศาลปกครองสูงสุดเห็นชอบด้วยมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น

อ่านรายละเอียด คำสั่งศาลปกครองสูงสุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image