ผู้ช่วยผบ.ตร.ลงพื้นที่ ภ.5-6 สั่งปรับแผนสกัดต่างด้าวทะลักชายแดน ลั่นห้ามเอี่ยวรับผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การสกัดกั้นและสืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ ภ.5 และ ภ.6 โดยมี ผู้แทน ภ.5 และ ภ.6 พร้อม ภ.จว.ในสังกัด, สตม., หน่วยตำรวจร่วมบูรณาการในพื้นที่, กองกำลังผาเมือง, กองกำลังนเรศวร และฝ่ายปกครอง เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกรณีแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดน เนื่องจากการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวด เฝ้าระวัง สกัดกั้น สืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายขบวนการกระทําความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนย้ายและการค้าแรงงานต่างด้าวที่แอบลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดนโดยผิดกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ มาประชุมติดตามสถานการณ์ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ผลการจับกุม ตลอดจนการสืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่าย และได้ร่วมบูรณาการ ปรับแผนการสกัดกั้นตามแนวชายแดน และแผนการตั้งจุดตรวจสกัดกั้นในเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 และ ภาค 6 ตลอดจนรับฟังปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติจากหน่วยร่วมบูรณาการด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อพิจารณาสั่งการและแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้การปฏิบัติบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายรัฐบาล และ ตร. ต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวอีกว่า กรณีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ บางส่วนเดินทางกลับประเทศ แล้วไม่สามารถกลับมาทำงานในประเทศไทยได้ เกิดขบวนกาiลักลอบหลบหนีเข้าเมือง นำพา ซ่อนเร้น ให้ที่พักพิง เพื่อพาคนต่างด้าวเข้ามาพื้นที่ตอนในของประเทศ เกิดความต้องการแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการต่างๆ ร้านอาหาร ก่อสร้าง และทำงานบ้าน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศเพื่อนบ้านเกิดความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดการทะลักของแรงงาน 3 สัญชาติ เข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ตาก เชียงใหม่ เชียงราย หลังจากมีการผ่อนผันให้คนต่างด้าวสามารถขึ้นทะเบียนทำงานให้ถูกต้องได้ สำหรับเส้นทางการหลบหนีของคนต่างด้าว ในพื้นที่ภาคเหนือ เดิมผ่านจุดตรวจจุดสกัดทั้งในเส้นทางหลัก เส้นทางรอง ซึ่งหลังจากที่มีการจับกุมได้ ขบวนการได้ปรับแผนใหม่ โดยเปลี่ยนเส้นทางจาก จ.ตาก จะเดินทางขึ้นมาทาง จ.ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ เพื่อลงมาทำงานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อหลีกเลี่ยงจากการจับกุม

Advertisement

พล.ต.ท.ประจวบ ยังได้กำชับการปฏิบัติของตำรวจให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ ตร. ดังนี้

1.บูรณาการหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ สกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและสืบสวนปราบปรามขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง แล้วขยายผลทำลายเครือข่าย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส และกำชับมิให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือรับผลประโยชน์ หากตรวจพบ จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด

2.ให้เข้มงวดกวดขันและระดมกวาดล้างการกระทำความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางและความผิดอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดย ตร. ได้มีสั่งการให้ระดมกวาดล้างในช่วงวันที่ 11 – 20 พฤศจิกายน 64

Advertisement

3.เข้มงวดกวดขันการจับกุมผู้ขับขี่ จยย. ที่ขับขี่ย้อนศร ฝ่าฝืนสัญญาณไฟ ขับขี่บนทางเท้า ขับรถในลักษณะประมาทหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน โดยกำชับอย่าให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ หรือกลั่นแกล้งจับกุมโดยเด็ดขาด

4.เพิ่มความเข้มตามแนวชายแดน การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เส้นทางหลัก เส้นทางรอง เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและสืบสวนขยายผลและตรวจยึดทรัพย์สินกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ศึกษาทำความเข้าใจประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 9 พฤศจิกายน 64

5.นโยบายรัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวให้ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปลอดภัยจากอุบัติเหตุและปลอดภัยจากอาชญากรรม

6.ให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง อาวุธปืน อาวุธสงคราม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง อบต. ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 64 และสนับสนุนการปฏิบัติของ กกต. ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

7.เพิ่มความเข้มในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวตลอดจนอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในห้วงเทศกาลลอยกระทง วันที่ 18 – 21 พศจิกายน 64

8.กำชับการรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเหตุที่ต้องรายงานด่วน ให้รายงานให้ทราบโดยทันที แล้วรายงานเป็นเอกสารให้ทราบด้วย

9.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 การฉีดวัคซีน และการจัดหาสถานที่รักษากรณีตรวจพบเชื้อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image