คต.ยันทบทวน เอดีเหล็ก นำเข้าจาก 4 ประเทศ ยึดตรงไปตรงมา

คต.ยันให้มั่นใจ ทบทวนเอดีสินค้าเหล็กนำเข้าจากเวียดนาม บราซิล อิหร่าน และตุรกี ยึดตรงไปตรงมา

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) มีหลักการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะตาม พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งกระบวนการพิจารณามาตรการฯ ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนภายใต้ พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ โดยในส่วนของการทบทวนเพื่อต่ออายุมาตรการฯตามมาตรา 57 มีหลักเกณฑ์พิจารณาข้อมูลที่เป็นจริง 5 ข้อ ดังนี้
1.ราคาที่แสดงการทุ่มตลาด (ราคาส่งออกมาไทยต่ำกว่าราคาที่ขายในประเทศที่ถูกกล่าวหา)
2.ความเสียหายที่เกิดกับอุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณการนำเข้า ผลกระทบด้านราคา (เช่น การตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา)
3.ผลกระทบที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน 15 ปัจจัย เช่น กำไร/ขาดทุน ผลผลิต ปริมาณขายในประเทศ ส่วนแบ่งตลาด อัตราการเจริญเติบโต เป็นต้น
4.ศักยภาพในการผลิตและโอกาสการส่งออกของประเทศที่ถูกกล่าวหามายังประเทศไทย
5.ผลกระทบที่อาจเกิดต่อส่วนภาคอื่นๆ เช่น ภาคการผลิต ภาคบริการ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ต้องใช้เหล็กเป็นต้นทุนการผลิต ซึ่งส่งผ่านไปยังอัตราค่าครองชีพของผู้บริโภคภายในประเทศ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมและวิเคราะห์เพื่อประกอบการประเมินความเป็นไปได้ในการทุ่มตลาด และความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในว่าจะเกิดขึ้นต่อไปหรือฟื้นคืนกลับมาอีก รวมทั้งต้นทุนต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

นายรณรงค์กล่าวว่า คณะกรรมการ ทตอ. ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ อาทิ เศรษฐศาสตร์ บัญชี นิติศาสตร์ และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีความเป็นอิสระในการพิจารณาและตัดสินใจ จนได้ผลการวินิจฉัยอันเป็นมติของคณะกรรมการ ทตอ.ทั้งคณะ โดยไม่ใช่อำนาจการตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์หรือ/โดยกรมการค้าต่างประเทศหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง

ทั้งนี้ บทบาทของกรมการค้าต่างประเทศในฐานะเป็นฝ่ายเลขาฯ ทตอ.ว่า กรณีหากผลการทบทวนฯตามมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ ปรากฏว่าให้ยุติมาตรการฯกรม ได้กำหนดแนวทางใหม่ที่จะดำเนินการ 2 แนวทาง คือ 1.แจ้งด่วนต่อผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อตักเตือนไม่ให้มีพฤติกรรมการทุ่มตลาดมายังประเทศไทยอีก 2.กรมจะเฝ้าติดตามการนำเข้าสินค้าจากประเทศต้นทาง หากมีพฤติกรรมที่ส่อแนวโน้มการทุ่มตลาดมายังประเทศไทย กรมจะดำเนินการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดทันทีหากภาคเอกชนมีความล่าช้าในการยื่นคำขอเปิดไต่สวน และจะเร่งกระบวนการไต่สวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อการใช้มาตรการฯให้ทันท่วงที ยิ่งกว่านั้นกรมจะขึ้นบัญชีดำว่าประเทศผู้ส่งออกดังกล่าวมีพฤติกรรมการทุ่มตลาดกลับมาอีกเป็นรอบที่สอง เพื่อนำบัญชีดำนี้มาใช้เป็นฐานข้อมูลสำคัญในการพิจารณาทบทวนมาตรการฯของคณะกรรมการ ทตอ. เมื่อการใช้มาตรการฯผ่านพ้นกรอบเวลาที่กำหนด

Advertisement

“ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่า การไต่สวนการทุ่มตลาดฯ และทบทวนต่ออายุมาตรการฯ คณะกรรมการ ทตอ.อยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย มีความเป็นธรรมและตรงไปตรงมา เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศ คำนึงถึงความสมดุลของกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านการค้าและการผลิต ทั้งอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยกรมการค้าต่างประเทศพร้อมรับฟังและหารือร่วมกับทุกฝ่าย และรายงานต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาการไต่สวน และคณะกรรมการ ทตอ. เพื่อพิจารณาว่าจะใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดฯ หรือไม่ อันเกิดประโยชน์เที่ยงธรรมต่อทุกภาคธุรกิจให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนในระบบเศรษฐกิจ” นายรณรงค์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image