‘ผู้ช่วยรมต.สำนักนายกฯ’ เปิดงานศาสตร์แห่งมวยไทยฯ ดันซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมพาสื่อไทย-ตปท.ร่วมกิจกรรม
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ค่ายมวยเพชรยินดีอะคาเดมี สนามมวยเวทีลุมพินี และโรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ศาสตร์แห่งมวยไทย: ส่งเสริมภาพลักษณ์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ” โดยกรมประชาสัมพันธ์ โดยสำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ มีสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ผู้มีอิทธิพลทางความคิดในเครือข่ายสังคมออนไลน์จำนวน 80 คน เข้าร่วมกิจกรรมฯ ทั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬามวยไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล นำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นายวราวุธ กล่าวว่า ความสำคัญของมวยไทย ที่ไม่ใช่เป็นเพียงกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นประวัติศาสตร์ ประเพณี และจิตวิญญาณของคนไทย นอกจากสามารถสะท้อนอัตลักษณ์ไทยบนเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว มวยไทยยังมีส่วนช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีวิวัฒนาการในรูปแบบของกีฬาที่ได้รับ การยอมรับทั่วโลก นักกีฬามวยไทยได้สร้างชื่อเสียงนำความภาคภูมิใจมาให้คนไทยในหลายเวที จึงถือเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ อันทรงพลังสาขาหนึ่งที่กำลังได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล โดยเร่งยกระดับอุตสาหกรรมมวยไทยในเวทีนานาชาติไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นมวยไทย งานศิลปะ การท่องเที่ยวโรงแรม หรือภาพยนตร์ล้วนแต่เป็นการต่อยอดสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมมวยไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ลงพื้นที่ค่ายมวยไทยเพชรยินดีอะคาเดมี เพื่อชมการสาธิตและทดลองเรียนมวยไทย จากนั้นเดินทางต่อไปยังโรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น เพื่อรับฟังการบรรยายพิเศษประเด็น การยกระดับมาตรฐานกีฬามวยไทยและการส่งเสริมกีฬามวยไทยให้เป็นที่นิยมในระดับสากล การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เช่น มาตรการวีซ่าดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเรียนมวยไทย ตลอดจนการต่อยอดมวยไทยไปสู่ธุรกิจอื่น โดยวิทยากรจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย วันแชมเปียน ชิพ รวมถึงนักมวยมืออาชีพ ที่มาบอกเล่าประสบการณ์การสร้างชื่อเสียงและอาชีพมวยไทยในต่างประเทศ ในช่วงค่ำ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เดินทางไปยังเวทีมวยลุมพินี เพื่อชมการแข่งขันมวยไทย วัน ลุมพินี ที่มีชื่อเสียงระดับโลก การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายชาวต่างประเทศได้สัมผัสประสบการณ์มวยไทยโดยตรง ได้เรียนรู้เอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยผ่านมิติด้านกีฬา ซึ่งจะนำไปสู่การดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเรียนมวยในประเทศไทยมากขึ้น ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านอุตสากรรมสร้างสรรค์ต่อไป
