สะพานแห่งกาลเวลา : อาเพศของอากาศร้อน

AFP

สะพานแห่งกาลเวลา : อาเพศของอากาศร้อน

“อาเพศ” หมายถึงอะไรก็ได้ที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติวิสัย คือเดิมไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่จู่ๆ ก็พลันเกิดขึ้นมา คำนี้มีนัยส่อไปในทางลบ คือถือกันว่าเป็นลางบอกเหตุถึงสิ่งเลวร้ายที่จะมีขึ้นตามมาหลังจากนั้น

ความร้อน (จัด) ที่เราเผชิญหน้ากันอยู่ในเวลานี้ก็เป็นสิ่งผิดปกติวิสัย ร้อนแบบไม่เคยพบไม่เคยเห็น อุณหภูมิของอากาศพุ่งปรี๊ดถึง 44 องศาเซลเซียส (อุดรธานี) แล้วก็ทำให้หลายคนคิดว่า นี่คืออาเพศบอกเหตุว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นตามหลังมา

ประเทศไทยไม่ได้ร้อนจัดอยู่ประเทศเดียว แต่ภาวะร้อน แล้งจนลำเค็ญเช่นนี้เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะเพื่อนบ้านใกล้เคียงของเราอย่างกัมพูชา และเวียดนาม

Advertisement

ที่กัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต สั่งการอย่างเป็นงานเป็นการให้ข้าราชการทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะอากาศร้อนจัดอย่างที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน บางวันวัดได้สูงถึง 43 องศาเซลเซียส

คำสั่งของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็คือ เจ้าหน้าที่ของทางการต้องเตรียมตัวพร้อมตลอดเวลา เพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนน้ำ ในส่วนของโรงเรียนก็ให้พิจารณาสั่งปิดการเรียนการสอนเป็นการเฉพาะได้เพื่อป้องกันทั้งครูทั้งนักเรียน ไม่ให้เผชิญกับภาวะอากาศร้อนจัด

แต่ต้องถือปฏิบัติโดยรวมไปก่อนในยามนี้ คือชั่วโมงเรียนช่วงเช้าขอให้หดสั้นลง ส่วนช่วงบ่าย ก็ให้ชะลอช้าออกไปอีกหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ครูและนักเรียนต้องเผชิญกับความร้อนจัดจ้านในตอนเที่ยงวัน

Advertisement

เพราะอากาศที่ร้อนจัดนั้น เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของคนเรา โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยคุ้นเคยมาก่อน เพราะไม่เคยร้อนมากถึงขนาดนี้

ในเมืองไทยเกิดปรากฏการณ์มีผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนกะทันหันขึ้นแล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคยมาก่อนเช่นเดียวกัน

ในเวียดนาม สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีกว่าไทยหรือกัมพูชาแต่อย่างใด ภาพที่ตีพิมพ์ประกอบเรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ร้อน-แล้งในบางพื้นที่ของเวียดนามได้เป็นอย่างดี

ภาพที่ว่านี้ เป็นภาพชาวประมงพายเรืออยู่เหนือน้ำแต่ที่ล้อมรอบเรือนั่นไม่ใช่อะไร เป็นปลาล้วนๆ ปลามากมายมหาศาลที่ตายลงเพราะอุณหภูมิของน้ำร้อนจัด ทำให้น้ำเหือดลงจนเหลือน้อยที่สุด เป็นเหตุให้ปลาใหญ่น้อยจำนวนมากตายลงเพราะออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

นี่เป็นภาพของอ่างเก็บน้ำ ซ่ง เมย์ ในเขต ตรั่งบมของจังหวัดด่งนาย อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเวียดนาม

ชาวบ้านในตรั่งบม บอกว่า เขาไม่เคยเห็นฝนตกต่อเนื่องกันมานานสัปดาห์แล้ว สัปดาห์เล่า จนอาจเป็นเดือนๆ จนน้ำในอ่างเก็บน้ำซ่ง เมย์ เหือดแห้งลง เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ ถัดลงไปจากน้ำก็เป็นโคลนหนืดลึกเกือบถึงเอว ปลาก็เลยพากันทยอยตาย

10 วันที่ผ่านมา ชีวิตชาวบ้านใกล้เคียงกับอ่างเก็บน้ำนี้ก็เลยพากันวายป่วงไปด้วย เพราะกลิ่นเน่าของซากปลาจากซ่ง เมย์

สื่อต่างๆ ในท้องถิ่นรายงานปรากฏการณ์นี้ ระบุเหตุเอาไว้ด้วยว่า สถานการณ์ร้อนและแล้ง ส่งสัญญาณให้เห็นมาตั้งแต่ต้นปี พื้นที่ท้ายน้ำแล้งจัดทางบริษัทเอกชนที่รับผิดชอบชลประทานในพื้นที่ก็เลยพยายามระบายน้ำลงไป เพื่อให้พืชผลในบริเวณท้ายน้ำรอดตาย น้ำเลยหายไปมากและเร็วขึ้น

พอเผชิญกับภาวะอากาศร้อนจัดในช่วงนี้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภาวะ “ฮีตเวฟ” หรือการที่มวลอากาศร้อนจัดถูกกักนิ่งอยู่ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งต่อเนื่องกันนานๆ สถานการณ์ก็เลยรุนแรงอย่างที่เห็น

พอเห็นว่าแย่หนัก ทางบริษัทก็พยายามระบายน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำ เพื่อช่วยปลาทั้งหลายให้พออยู่รอดแต่ก็ไม่ได้ผล ว่ากันว่าจำนวนปลาที่ตายลงนั้นมหาศาลมาก คิดเป็นน้ำหนักรวมกันได้มากกว่า 200 ตันเลยทีเดียว

คำถามที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ แล้วทำไม ประเทศอย่างไทย กัมพูชา และเวียดนาม ถึงต้องเผชิญกับภาวะอากาศร้อนจัดขนาดนี้

คำอธิบายว่าเป็นเพราะปรากฏการณ์ “ฮีตเวฟ” หรือ “คลื่นความร้อน” ก็พอฟังได้ แต่ก็ต้องถามต่อกันว่า แล้วอะไรที่เป็นที่มาของเจ้า ฮีตเวฟ ที่ว่านี้ล่ะ?

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศของโลก ก็คือ นี่คือปรากฏการณ์ประการหนึ่งซึ่งเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์ด้านภูมิอากาศที่เกิดขึ้นเป็นวัฏจักร วนเวียนกันไปในทุกๆ 3-7 ปี

พวกเขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “เอลนีโญ” กับ “ลานีญา” ที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละ

ปรากฏการณ์นี้พันมาถึงไทย กัมพูชา แล้วก็เวียดนามอย่างไร ขอติดเอาไว้เล่าต่อในสัปดาห์หน้าครับ

ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image