สธ.ออก 3 มาตรการ ดูแลแจกสมุนไพร”หมอเทวดา”รักษามะเร็ง ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

แฟ้มภาพ ชาวบ้านที่ไปรอคิวรับยารักษามะเร็ง

 

ความคืบหน้า จากรณีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งจากทั่วทุกสารทิศ ทั่วประเทศมากกว่า 5,000 คน เดินทางมารับแจกสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งฟรี ที่บ้านพักของนายแสงชัย แหเลิศตระกูล ตรงข้ามที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางเดชะ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ในทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน จนเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงนั้น

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 1.2 แสนคน โดยมีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 7 หมื่นคน ดังนั้นสมุนไพรดังกล่าวจึงเป็นความหวังของประชาชน กรมฯจึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ทำให้การจ่ายสมุนไพรถูกต้องตามกฎหมาย โดยในเรื่องของผู้ให้บริการ จะต้องหาผู้ประกอบวิชาชีพเช่นแพทย์แผนไทยไปประจำการคอยตรวจวินิจฉัยก่อนจ่ายสมุนไพรดังกล่าว ส่วนตัวของผู้ที่แจกยาปัจจุบันก็ต้องมีการขอประเมินหรือพิจารณาให้เป็นหมอพื้นบ้าน 2.สถานที่ในการแจกสมุนไพรนั้น ต้องทำในถูกต้องเช่นจ่ายใน โรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งต้องมีการขอเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง และ3.ผลิตภัณฑ์ที่นำมาทำเป็นส่วนผสมของสมุนไพรต้องมีการทำให้ถูกต้อง ด้วยการขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ไม่ว่าจะขอเป็นยาแผนโบราณ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับการใช้สมุนไพร ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมฯร่วมกับจังหวัดปราจีนบุรี ทำแผ่นพับถึงเรื่องการใช้สมุนไพรกับประชาชน เป็นต้น

นพ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังจะต้องมีการทำวิจัยและตรวจสอบสมุนไพรดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยที่ผ่านมาทางจังหวัดได้มีการเก็บผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวไปตรวจสอบไม่พบสาร สเตียรอยด์หรือสารที่ทำให้อยากอาหาร แต่ยังสามารถระบุได้ว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ เนื่องจากต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่าในผลิตภัณฑ์มีแบคทีเรียหรือมีโลหะหนักปนเปื้อนหรือไม่ รวมทั้งต้องประเมินผลการรับประทานสมุนไพรดังกล่าวว่าในระยะยาวจะมีผลต่อร่างกายหรือไม่ รวมทั้งต้องทำวิจัยเพิ่มเติม โดยมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นคนรับเรื่องนี้ไปดูแล ทั้งนี้ยังต้องทำการศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรทุกชนิดด้วยหากนำมารวมกันแล้วจะมีพิษต่อร่างกายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาสมุนไพรแต่ละตัวอาจมีสารต้านแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ก็เป็นเพียงผลการทดลองในหลอดทดลองเท่านั้น แต่ยังไม่มีการทดสอบในคนว่าจะได้ผลหรือไม่ และเหมาะกับโรคมะเร็งชนิดใด ดังนั้นจึงได้ประสานกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติให้ช่วยทำวิจัยและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน1-2 เดือน

Advertisement
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image