รองผบ.ตร.ลงพื้นที่ดูคดี 3 คนร้ายบุกปล้นร้านทอง ยันมีเบาะแสจากป้ายทะเบียนยืนยันว่าจริง แต่ติดผิดคัน รายละเอียดอื่นๆ ขออุบไว้ก่อน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ สภ.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ปป.1 พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.ภาค 2 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล รรท.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล ผกก.สภ.เสม็ด พร้อมด้วยชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เสม็ด กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี และสืบสวนสอบสวนภาค 2 ได้ร่วมประชุมเพื่อหาเบาะแสในการติดตามตัว 3 คนร้าย สวมชุดดำ ถุงมือดำ พร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือทั้ง 3 คนมีปืนลูกโม่ 1 กระบอก ปืนแมกกาซีน 2 กระบอก ก่อเหตุปล้นร้านทอง ห้างทองตำหนักทอง 5 “ทองเยาวราช” ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส ริมถนนสุขุมวิท หมู่ 1 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นซูเมอร์เอ็กซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ลตษ 492 กรุงเทพฯ และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ยขจ 484 กรุงเทพฯ มีการนำแผนที่มาตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย
สำหรับเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายนั้นหลังก่อเหตุได้ใช้เส้นทางประตูด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าดังกล่าวหลบหนี โดยออกเส้นทางถนนสุขุมวิท และเลี้ยวรถกลับบริเวณวิทยาลัยเทคนิคชลพินิจ ห่างจากจุดก่อเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นได้มุ่งหน้าเข้าบางแสน และเลี้ยวซ้ายออกถนนสายเลี่ยงเมืองชลบุรี ผ่านปั๊มน้ำมันคาร์แท็กซ์ ผ่านไฟแดงมุ่งหน้าไปทางกรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจจะได้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าคนร้านหลบหนีไปทางทิศทางใด โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง พร้อมทั้งได้เดินทางไปตรวจดูบริเวณที่เกิดเหตุอีกด้วย
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ปป.1 กล่าวว่า จากการลงพื้นที่และฟังการสรุปผลของคดีคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ แต่มีข้อมูลในการติดตามตัวคนร้ายพอสมควร รวมทั้งพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ นอกจากนี้ตำรวจจะได้ตรวจสอบอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ว่าเคยใช้ในพื้นที่ จ.ชลบุรี หรือใกล้เคียง เพื่อหากลุ่มคนร้ายอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามหากประชาชนทราบข้อมูลเบาะแสของคนร้ายสามารถแจ้งตำรวจได้ทุกเวลา เพื่อให้การจับกุมคนร้ายมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังได้ประสานงานกับทางร้านทองทั่วประเทศให้สังเกต กรณีที่มีคนนำทองมาขายด้วยให้ตรวจสอบและดูตำหนิรูปพรรณของทอง หากพบว่าเบาะแสว่าเป็นทองขโมยมาของให้แจ้งตำรวจให้ทราบด้วย นอกจากนี้ยังได้สอบถามพนักงานแล้วพบว่าปกติจะมีผู้มาซื้อ จำนำทองจำนวนมาก ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้
“ส่วนการลงมือของคนร้ายในครั้งนี้ยังไม่ระบุว่าเป็นกลุ่มใด แต่ให้มองภาพรวมมากกว่า ส่วนการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์พบว่าเป็นป้ายทะเบียนจริง แต่ติดผิดคัน ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ได้ความคืบหน้าพอสมควร และกำลังติดตามตัวผู้ที่นำทะเบียนรถจักรยานยนต์ไปสวมในช่วงเกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง” พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าว
ทางด้าน นายชัยพร กิจตระกูลรัตน อายุ 53 ปี เจ้าของร้านห้างทองตำหนักทอง 5 กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาที่ สภ.เสม็ด เพื่อเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประกอบเรื่องเกี่ยวกับการประกันภัย ส่วนคนร้ายที่ลงมือในครั้งนี้หลังจากเกิดเหตุ 20 นาทีได้เดินทางมาที่ร้านทอง และตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบพฤติกรรมของคนร้ายในช่วงลงมือก่อเหตุ ทั้งใช้อาวุธปืนยิง กระโดดขึ้นบนตู้โชว์ทอง ซึ่งในการให้สินบนนำจับในครั้งนี้ตั้งไว้ 3 แสนบาท และมีความเชื่อมั่นว่าตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ในการจับกุมตัวคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายก่อนจะลงมือคงมาดูลาดเลาหลายครั้งแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์คงจะต้องใช้ลูกกรงเหล็กมาติดตั้งแล้ว เพื่อป้องกันการปล้นอีก
