เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางไปดักรอสัมภาษณ์นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี ที่หน้าโรงเรียนเทพมงคลรังษี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังจากได้เวลาเลิกทำการสอนหนังสือแล้ว โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายปรีชาว่า วันนี้ทางทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล คู่กรณี ได้นำหลักฐานไปมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่กองปราบฯ อีกทั้งยังได้ชวนครูปรีชา ไปฟังคำแถลงของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่จะแถลงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ นายปรีชากล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้เลยว่าวันนี้ ร.ต.ท.จรูญ เดินทางไปกองปราบฯ ในส่วนของคำเชิญนั้น ตนไม่มีเวลา ต้องทำงาน ต้องสอนหนังสือ คำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ชัดเจนอยู่แล้ว ในส่วนโทรศัพท์ที่วันนี้ ร.ต.ท.จรูญ นำโทรศัพท์มือถือไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯนั้น อาจจะมีหลักฐานบางอย่างที่นำไปให้เจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องโทรศัพท์ของตนนั้น ตนได้นำไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนานแล้ว
นายปรีชากล่าวต่อว่า ในส่วนพยานใหม่ของตนนั้น ขอปิดไว้ก่อน โดยจะนำพยานไปเปิดเผยในชั้นศาล ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการในศาล ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง ทั้ง 2 คดีมีความสำคัญเท่ากัน ในส่วนของคดีแพ่งทนายได้ยื่นฟ้องแล้ว โดยใช้สำนวนของทางภาค 7 ส่วนของคดีอาญาต้องรอให้สรุปสำนวนเสียก่อน ว่าจะมีน้ำหนักฟ้องหรือไม่ ซึ่งระบบกฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา ตอนนี้ตนได้กล่าวหาอีกฝ่าย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องทำการสอบสวน ว่าคำสั่งฟ้องของตนมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวเสร็จแล้ว ตนจะได้ปรึกษาทนายอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งได้ปรึกษากับทีมทนายอยู่บ่อยๆ
“วันนี้ยืนยันได้ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กองปราบฯ มาเฝ้าตนแต่อย่างใด มีแต่สื่อมวลชนมาเฝ้า และยังยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของครูต่อไป ด้วยการสอนหนังสือ ไม่ลากิจ และไม่จำเป็นต้องเตรียมเงินประกันแต่อย่างใด เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด” ครูปรีชากล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายปรีชาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วเสร็จ ได้ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางกลับบ้าน และระหว่างนั้น นายปรีชา ใคร่ครวญ ได้นำแฟ้มออกมาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยหน้าแฟ้มดังกล่าว เขียนว่า “ลุ้นผลหวย 30 ล้าน ของใคร” โดยหน้าแฟ้มมีภาพตัวเองประกบคู่กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ซึ่งแฟ้มนี้ใช้เก็บพยาน และหลักฐานทั้งหมด มีทั้งหลักฐานใหม่และเก่า โดยครูปรีชาระบุว่ามีแฟ้มหลักฐานเช่นนี้ถึง 3 เล่ม ซึ่งมีทั้งหลักฐานหมัดเด็ดที่จะในชั้นศาล โดยได้มีการเพิ่มเติมหลักฐานลงไปในแฟ้มทุกวัน และก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า หลักฐานดังกล่าวใช้น็อกเลยมั้ย ครูปรีชาตอบว่า “น็อก”
