เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายชาญยุทธ ตรีศัพท์ อุปนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาข้าวเปลือกนาปรัง หลังสิ้นฤดูการเก็บเกี่ยวในรอบที่ 1 ของปีนี้ พบว่ามีราคาซื้อขายจริง ที่ 6,800 – 7,200 บาท / ตัน ในเกณฑ์ความชื้น 20-25% ถือว่าชาวนายังพอจะมีกำไรต่อไร่ ด้วยเพราะว่าต้นทุนอยู่ที่ประมาณไร่ละ 5,000 บาท และสามารถทำผลิตข้าวได้เกือบ 1 ตันต่อไร่ โดยสาเหตุที่ข้าวเปลือกราคาไม่ได้ตกต่ำลงมากในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวพร้อมกัน น่าจะมาจากข้าวสารที่อยู่ในโกดังต่างๆ ทั้งของหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบและเอกชน ได้ขายระบายสต๊อกข้าวสารออกไปจำนวนมาก ในช่วงเวลาก่อนหน้าแล้ว
ส่วนข้อซักถามที่ว่า ช่วงนี้ฝนตกหนักมีผลอย่างไรต่อชาวนา ตรงจุดนี้มองได้ 2 มุมมอง โดยมุมแรก กรณีที่ชาวนาบางคนหรือที่เป็นส่วนน้อย เก็บเกี่ยวข้าวล่าช้า ต้นข้าวจะถูกแรงลมและฝนทำให้เสียหายบ้าง และเมล็ดข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวได้ จะมีความชื้นสูงกว่า 25% ทำให้ขายได้ราคาไม่ดีแต่อีกมุมคือ ชาวนาส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวข้าวไปแล้วก่อนสิ้นเดือนเมษายน เมื่อฝนตกหนักในช่วงนี้ เป็นผลดีเชิงบวกอย่างมาก เพราะว่าน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักขังตามท้องนา จะเป็นน้ำต้นทุนให้ชาวนาใช้เพื่อหมักตอซังข้าว ในการตีตมเตรียมดินเพื่อทำนาปรังรอบ 2 ของปีนี้ ซึ่งเริ่มทำในต้นเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ระยะเพาะปลูกถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน หมายความว่าจะเกี่ยวข้าวรอบ 2 ในเดือนสิงหาคม และเสร็จสิ้นก่อนที่น้ำเหนือจะไหลหลากมาในเดือนกันยายน ซึ่งทุ่งนาภาคกลางจะกลายเป็นแก้มลิงเก็บน้ำท่วม
