‘ศาลคดีทุจริต’ ไม่รับฟ้อง ‘จ่าโอ๋’ ฟ้อง 2 สารวัตรสืบพหลฯ เรี่ยไรเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์ ชี้ไม่เข้าข่ายผิดต่อหน้าที่

จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด หรือจ่าโอ๋ อดีต ผบ.หมู่ สส.สน.พหลโยธิน เมื่อครั้งเข้าร้องทุกข์กรณีถูกเรี่ยไรเบี้ยเลี้ยง ซื้อเครื่องปรับอากาศติดห้องสืบสวน ต่อ ป.ป.ท.

เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 24 เมษายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องในคดีที่ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด หรือจ่าโอ๋ อดีต ผบ.หมู่ สส.สน.พหลโยธิน เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.ชลากร ปานแดง และ พ.ต.ต.เอกราช โอมาก อดีต สว.สส.สน.พหลโยธิน ที่ปัจจุบันถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่  สน.ดอนเมือง และ สน.สายไหม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจข่มขืนใจหรือจูงใจให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สินให้ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต และปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ หรือโดยทุจริตฯ ตามมาตรา 157 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ในวันนี้ทนายโจทก์ผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาฟังคำสั่ง

ศาลพิเคราะห์ คำฟ้องโจทก์ประกอบรายงานชั้นตรวจคำฟ้องแล้ว ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 ซึ่งเป็นสารวัตรสืบสวนและเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์และตำรวจชั้นประทวน สน.พหลโยธิน จึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต โดยร่วมกันออกคำสั่งข่มขู่บังคับให้หักเบี้ยเลี้ยงของโจทก์กับพวกอีก 11 คน โดยให้โจทก์ได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 2,500 บาท จากที่โจทก์มีสิทธิได้รับเงินจำนวน 5,720 บาท และให้ไปถอนเงินเบี้ยเลี้ยงส่วนเกินมามอบให้จำเลยทั้งสอง หากไม่ทำจะถูกจำเลยทั้งสองกลั่นแกล้งหรือโดนโยกย้าย อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเบี้ยเลี้ยงของทางราชการ โดยเจตนาให้โจทก์และผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ ซึ่งโจทก์กับพวกไม่ยินยอมและไม่พอใจ แต่ต้องจำยอม ซึ่งจำเลยทั้งสองได้เบี้ยเลี้ยงจากโจทก์และตำรวจชั้นประทวนอีก 11 คน รวมเป็นเงิน 25,300 บาท และจำเลยทั้งสองนำเงินไปซื้อเครื่องปรับอากาศเพื่อประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองและผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้เกิดความเสียหาย มีเจตนาทุจริต นำเงินไปซื้อเครื่องปรับอากาศโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และข่มขืนใจโจทก์ให้ส่งมอบทรัพย์สินแก่จำเลยทั้งสอง ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 83, 90, 148, 157 นั้น

เห็นว่า การกระทำที่จะผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติสิ่งที่อยู่ในหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยทุจริต ตามคำฟ้องโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวน มีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เกี่ยวกับการจับกุม ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย และเกี่ยวกับการสืบสวนนั้น หมายถึงการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อจะทราบรายละเอียดแห่งความผิด

Advertisement

การตั้งด่านตรวจของโจทก์กับพวกซึ่งเป็นตำรวจชั้นประทวน แม้อยู่ใต้การบังคับบัญชาของจำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่การที่โจทก์กับพวกจะได้รับค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นกรณีที่ทางราชการได้วางระเบียบหรือหลักเกณฑ์ไว้ในทางบริหารต่างหาก

และตามเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์ก็ได้ระบุว่า สน.พหลโยธิน ยังต้องส่งหลักฐานขอเบิกเบี้ยเลี้ยงต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไป เพื่อพิจารณาอนุมัติ ตามฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่โจทก์กับพวก ที่จะถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงาน มีอำนาจหน้าที่จะออกคำสั่งหักเงินเบี้ยเลี้ยงของโจทก์กับพวกหรือข่มขู่บังคับโจทก์กับพวกให้นำเงินเบี้ยเลี้ยงส่วนเกินมามอบให้โจทก์ทั้งสอง ที่จะถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งของจำเลยทั้งสองโดยมิชอบฯ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ 157 ไม่ใช่คดีทุจริตและประพฤติมิชอบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 3 ที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวจ.ส.ต.เลอศักดิ์  ได้ร้องทุกข์ให้ ป.ป.ท.ตรวจสอบผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 นายกรณีขอเรี่ยไรเบี้ยเลี้ยงด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image