บุ่นเล้ง ว่าที่นายก อบจ.ตรัง น้อมรับผล ‘โหวตโน’ ยันไม่ส่งคนแข่ง เลือกตั้งซ่อม ส.อบจ.แล้ว

‘บุ่นเล้ง’ ว่าที่นายก อบจ.ตรัง เปิดใจครั้งแรก แนวทาง อบจ.บุ่นเล้ง 2 ขอบคุณทุกเสียงที่เลือกและไม่เลือก น้อมรับ-ถอดบทเรียน ‘โหวตโน’ สั่งลูกทีมเจาะหัวใจคนรุ่นใหม่ต้องเดินเข้าหา แจงข่าวถลุงเงินสะสมพันล้าน ตัวเลขจริงแค่ 7 ร้อยล้าน ปัดเทียบรัศมี ‘บ้านใหญ่หลีกภัย’ ย้ำ ‘นายหัวชวน-ครูกิจ’ คือผู้มีบุญคุณตลอดกาล

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่บ้านเล้งพานิช อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง (นาย อบจ.ตรัง) ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ตรัง หมายเลข 1 ในฐานะหัวหน้าทีมนายกบุ่นเล้ง ซึ่งได้รับคะแนนไป 171,694 ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเปิดใจถึงผลการเลือกตั้ง ที่มีคะแนนโหวตโนสูงถึง 63,333 คะแนน สูงสุดเป็นประวัติการณ์การเลือกตั้ง อบจ.ตรัง ว่าสำหรับคะแนนเลือกคนที่ออกมากว่า 1.7 แสนคะแนน คิดว่าเป็นคะแนนที่พอใจแล้ว เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้วตนได้คะแนน 1.6 แสน คะแนนที่เพิ่มขึ้นได้ครั้งนี้เพราะ 4 ปีที่ทำงานคิดว่าโดนใจชาวบ้านในหลายนโยบาย และอีกอย่างเราทำงานกันแบบดูแลกันมาตลอด ปีนี้คะแนนจากเขตเลือกตั้ง อ.เมือง ก็ได้มากขึ้น กลุ่มนักธุรกิจต่างๆ ตอนนี้เรามาร่วมด้วยช่วยกัน เห็นผลให้แสดงมากขึ้น

นายบุ่นเล้งกล่าวว่า ส่วนเรื่องคะแนนโหวตโนที่สูงนั้นคิดว่าต่อไปจะเป็นส่วนสำคัญที่จะนำมาเล่นกัน และให้คอยดูผู้นำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนายกเทศมนตรีที่จะมีการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งคะแนนโหวตนี้จะใช้กระตุ้นได้เยอะ จริงๆ ตรังบ้านเรา “โหวตโน” ไม่ถึงขนาดนี้ แต่เที่ยวนี้ “โหวตโน” มาจากคนหนุ่มสาวที่ส่วนหนึ่งมาจากพรรคสีส้มที่เขาไม่เอาด้วยอยู่แล้ว หรือแม้แต่คนที่ไม่ถูกใจ เขาก็เลือกโหวตโน เรื่องคนรุ่นใหม่ที่โหวตโนกันมากต่อไปเราก็ต้องลงพื้นที่ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้รู้ปัญหาของชาวบ้านเขา

ADVERTISMENT

“ครั้งนี้ตัวเลขโหวตโน 6.3 หมื่นคะแนน ถือเป็นคะแนนที่ไม่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้นักการเมืองในพื้นที่ขยันทำงานมากขึ้น ลงพื้นที่ให้มากขึ้น คะแนนโหวตโนเป็นตัวกระตุ้นได้ดี อันนี้ก็ต้องนำมาหารือกันเพื่อเป็นบทเรียน อย่าง ส.อบจ.เขต 2 อ.เมือง ก็ต้องเลือกใหม่ ซึ่งน้องๆ ส.อบจ.ทั้ง 30 เขต ต้องจำเป็นบทเรียน นอกจากนี้ ในบางเขตก็มีส่วนต่างของคะแนนโหวตโนค่อนข้างมาก แต่คะแนนที่ผมได้ 1.7 แสนกว่าคะแนน ก็เป็นคะแนนที่พอใจ” นายบุ่นเล้งกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คะแนนโหวตโนในวันนี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรในวันข้างหน้า นายบุ่นเล้งตอบว่า เราต้องทำการเมืองให้มากขึ้น ต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น การเลือกตั้งครั้งนี้ยอมรับว่าลงพื้นที่ไม่ทั่วถึงเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ด้วยผลงานใน 3-4 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านเขารู้ ชาวบ้านส่วนหนึ่งบอกไม่ต้องมาก็ได้ แต่ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งบอกว่าถ้าไม่มาให้เห็นหน้าก็ไม่เลือกนะ ซึ่งกลุ่มนี้เมื่อรวมเป็นกลุ่มได้มากขึ้น ก็จะลามไปทีละเล็กทีละน้อย

ADVERTISMENT

นายบุ่นเล้งกล่าวด้วยว่า ส่วนกระแสที่มองว่าการทำงานในสภาของ อบจ.ชุดที่ผ่านมาเป็นพวกเดียวกันหมด ไม่มีการทำหน้าที่ตรวจสอบ ตนว่าไม่ ลองคิดดูว่าในส่วนของการเมืองใหญ่ระดับประเทศก็มีแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้อวิจารณ์ข้อบกพร่องที่สะท้อนมาเหล่านี้จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนได้ เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้วทุกคนทุกเขตก็ต้องทำงาน จะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ไม่เหมือนกับ 4 ปีที่แล้วมา ตอนนั้นตนข้าไปทำงานใหม่ๆ ต้องใช้เวลากว่าจะตั้งหลักได้ คะแนนโหวตโนที่ออกมาเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องนำไปแก้ไข เมื่อรู้แล้วว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้ก็ต้องไปดูว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร หาจุดบกพร่องให้เจอแล้วนำไปแก้ไข การเลือกตั้งรอบหน้าทุกคนก็ต้องปรับตัว การแก้ไขที่ดีที่สุดคือการเข้าถึงชาวบ้านในแต่ละเขตของตัวเอง

นายบุ่นเล้งมองอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก คะแนน 1.7 แสนเสียงของตน ถือว่าเป็นคะแนนที่ไม่น้อย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าคู่แข่งที่มาลงอาจจะดูโนเนมไปบ้าง แต่ยังมีคนออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก ภูมิใจเพราะมีชาวบ้านส่วนหนึ่งที่คิดว่าไม่ต้องออกไปเลือกตั้งอย่างไรตนก็ได้อยู่แล้ว เลยทำให้คะแนนส่วนนี้เสียไปเยอะเช่นกัน ทั้งๆ ที่ความจริงก็ชอบและผูกพันกับตน ซึ่งต่อไปก็ต้องออกไปกระตุ้นว่าจะคิดแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ

เมื่อถามอีกว่า ผลการโหวตโนทั้งในส่วนของนายก อบจ.และ ส.อบจ.ถูกมองว่าเป็นการแสดงออกต่อต้านการผูกขาดทางการเมือง นายบุ่นเล้งตอบว่า มองว่าแนวการบริหารงานของแต่ละผู้นำไม่เหมือนกัน แต่ตนไม่ชอบความรุนแรง ไม่ชอบความขัดแย้ง จะมองว่ามีอะไรที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้านมากกว่า มองว่าการขัดแย้งคนที่เสียประโยชน์ที่สุดคือชาวบ้าน มองว่าควรเป็นความนุ่มนวลที่ประสมผสาน แต่พอเป็นความกลมเกลียวก็ถูกมองว่าเป็นการผูกขาด

“โดยส่วนตัวไม่ชอบความรุนแรงและความขัดแย้ง มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกัน และหาทางออกที่ดีที่สุด ในสภา อบจ.ที่ผ่านมาก็มีความเห็นต่าง ไม่ใช่ว่าคล้อยตามกันหมดทุกเรื่อง มันเป็นสีสันของสภา ตนเคยไปทัศนศึกษาดูงานที่ต่างจังหวัด เขาบอกว่ากาแฟมาถึงชงยังไม่ครบคน ปรากฏว่ายกมือไปเรียบร้อยแล้ว คนบอกว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่จังหวัดตรังบ้านเราไม่ได้ บ้านเราต้องปล่อยให้แสดงความเห็นของแต่ละคนออกมา ผมเปิดรับฟังทุกความคิดเห็น และสุดท้ายเราก็ไปในทิศทางเดียวกัน” นายบุ่นเล้งระบุ

นายบุ่นเล้งกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการส่งผู้สมัคร ส.อบจ.ตรัง เขต 2 อ.เมือง ลงแข่งขันใหม่ในนามทีมนายกบุ่นเล้ง หลังการแข่งขันรอบแรกผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดในสังกัดทีมแพ้คะแนนโหวตโน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เขตกรณีศึกษาของประเทศว่า ในความคิดตนเห็นว่าจะปล่อยให้ผู้แข่งขันต่างๆ ในรอบนี้ได้แข่งขันกันเอง เพราะถ้ามีการถือข้างถือพวก คนที่ไม่เห็นด้วยก็จะโหวตโนอีก ถ้าแพ้อีกทำให้เสียเวลา ฉะนั้น ใครมีความรู้ความสามารถก็ไปแข่งขันด้านการทำงานกับชาวบ้าน โดนใจใครก็ได้คนนั้นไปจะดีกว่า และสุดท้ายก็มาทำงานร่วมกัน ซึ่ตอนนี้แว่วๆ ว่าจะมีคนมาสมัคร 3-4 คน

นายบุ่นเล้งกล่าวถึงการทำงานในอนาคตของ อบจ.บุ่นเล้ง 2 ว่า ปีที่แล้วตนทำงานแบบไม่มีปลัด อบจ.ตรัง และไม่มีรองปลัดด้วย มีเพียงรองปลัดกลางอยู่ 1 คน แต่ปีนี้ได้มาครบ ทั้งปลัดอบจ. และรองปลัดอบจ. ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำก็มีความรู้ความสามารถที่จะมาทำงานประสานกับเรา และปีนี้เราจะเดินหน้าประสานงานทุกเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์เราจะลงมือทำ เอาหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม ไม่เฉพาะแค่เรื่องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเหมือนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มา

นายบุ่นเล้งกล่าวด้วยว่า ที่วิจารณ์กันว่าตนใช้เงินสะสมของ อบจ.สมัย นายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง สะสมที่มีอยู่กว่า 1,000 ล้านบาทจนหมดนั้น ที่จริงเงินที่ใช้บริหารงานจริงมีประมาณ 700 ล้านบาทเท่านั้น แต่ที่เคยพูดไปว่ามีเงินกว่า 1,000 ล้านบาท ก็เพื่อให้เกิดความฮึกเหิมในหมู่ ส.อบจ. ขณะที่อดีตนายกกิจ ในอดีตการจะเอาออกมานั้นไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ได้อนุมัติง่ายๆ แต่ในส่วนของตนถ้าเห็นว่าโครงการไหนที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ตนก็อนุมัติเลยโดยที่ไม่รีรอ

เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับนายกิจปัจจุบันเป็นอย่างไร นายบุ่นเล้งตอบว่า ยังเหมือนเดิม คนอื่นอาจจะมองว่าไม่เหมือนเดิม แต่สำหรับตนมองว่าบ้านนายกกิจคือผู้มีพระคุณ ทุกวันพุธตนจะไปทานกาแฟที่บ้านนายกกิจ มีหิ้วขนม มีหมูย่างไปฝากทุกสัปดาห์

เมื่อถามว่า ตอนนี้คนตรังมองว่ามีบ้านใหญ่ทางการเมือง 2 บ้าน คือ บ้านใหญ่ตระกูลหลีกภัย กับ บ้านใหญ่ตระกูลโล่สถาพรพิพิธ นายบุ่นเล้งตอบว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ได้มาเยี่ยมตนที่บ้านสวนมังคุดที่ อ.ปะเหลียน ตนก็ได้เตรียมมะพร้าวน้ำหอมไว้รับรองท่าน ยืนยันว่ายังเคารพรักกันเหมือนเดิม ซึ่งตนยังได้ขอคำแนะนำจากท่านชวน ท่านก็ตอบกลับว่าที่ทำมาแล้วก็ได้แล้วแหละ ให้ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าอยู่เฉย ดังนั้น ในจิตใจของตน บ้านท่านชวนและท่านกิจก็คือผู้มีพระคุณสำหรับตระกูลของตนเสมอมา

“ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนใน จ.ตรัง ที่เลือกทีมนายกบุ่นเล้ง คะแนนที่ผมได้มาเป็นคะแนนที่ภูมิใจ ในส่วนที่โหวตโน ผมก็ขอน้อมรับในความคิดเห็นต่างของทุกคน ต่อไปผมก็ต้องไปหารือกันว่าสาเหตุที่เขาโหวตโนคืออะไร เราต้องหาให้เจอ และต้องรีบแก้ไข เพื่อเที่ยวหน้าจะได้ไม่ประสบปัญหาแบบนี้อีก และขอขอบคุณทุกคนที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย” ว่าที่นายกอบจ.ตรังกล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image