‘อ๋อย’ ชี้5ปีไร้ปฎิรูป-ปท.อยู่กับที่ เหลื่อมล้ำหนัก ‘มาร์ค’ ชี้ ต้องเลิกคิดแบบอำนาจนิยม

6 พรรคการเมืองร่วมเสวนา “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้การเลือกตั้ง” ร่วมหาทางออกแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “อ๋อย” ซัด รัฐทำระบบงบฯเสียประสิทธิภาพ ด้าน “มาร์ค” ชี้ ระบบอำนาจนิยมของรบ.ต้องปรับเปลี่ยน ขณะที่ “ธนาธร” มองโครงสร้างศก.ไทยเป็น 3 ระยะ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะเศรษฐศาสตร์ ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ RSU Wisdom TV มูลนิธิปรีดี พนมยงค์ มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย หนังสือพิมพ์มติชน หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ สำนักข่าวประชาไท สถานีวิทยุ FM 101 และกลุ่มนักศึกษาวิชา ECO499 สัมมนาเศรษศาสตร์ และนโยบายสาธารณะ จัดงานเสวนา “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้การเลือกตั้ง”โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมเสวนา อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.), นายสมพงษ์ สระกวี ที่ปรึกษาพรรคเสรีรวมไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทย(ภท.), นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง พรรคเพื่อไทย (พท.) และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ปัญหาของเศรษฐกิจนั้นการจะปฏิรูปต้องพูดถึงสภาพปัญหาก่อน ถ้าเราดูการดำเนินนโยบายและการบริหารประเทศ 4-5 ปีที่ผ่านมา หลายๆท่านจะรู้สึกว่าไม่พบการปฏิรูปใดๆ ปัญหาเศรษฐกิจไม่เกิดการปฏิรูปแล้วยังเสียโอกาส ศักยภาพของประเทศถอยหลัง มีความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น เศรษฐกิจไทยโตเป็นอันดับต่ำสุดในอาเซียน ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยย่ำอยู่กับที่ และยังมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำรุนแรง สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่เป็นการปฏิรูปชัดเจน มาตรการหลายอย่างซ้ำเติมปัญหาดังกล่าว เช่น การกระตุ้นช็อปช่วยชาติ ที่ผู้ได้ผลประโยชน์คือธุรกิจขนาดใหญ่ คนที่จ่ายเงินเป็นคนที่ไม่ต้องการจะจ่ายเงิน แต่ควรจะออมเงินด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการท่องเที่ยวก็ยังไม่มีความยั่งยืน และยังมีปัญหาความไม่ระมัดระวังของผู้นำประเทศไทยในการพูด ที่พูดแต่ละทีนักท่องเที่ยวก็ลดลง เรามีปัญหาในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบงบประมาณเสียงวินัยอย่างร้ายแรง เช่น การโอนงบจากกระทรวงต่างๆมาเป็นงบกลาง แล้วใช้ตามใจชอบ ตรงนี้จะทำให้ระบบเสีย

นายสมพงษ์ กล่าวว่า พวกเรากำลังเผชิญปัญหาในระยะเปลี่ยนผ่านระหว่างระบอบอำนาจนิยมและระบอบประชาธิปไตยที่ฟังเสียงประชาชน ซึ่งปัญหาใหญ่หลังเลือกตั้งจะเป็นปัญหาเดิมๆ เช่น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการคอร์รัปชั่น รัฐบาลนี้อุตส่าห์ร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงแต่ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญกลับหนีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน พรรคเสรีรวมไทยใส่ใจปัญหาความยากจนและเหลื่อมล้ำเป็นพิเศษ แต่น่าแปลกที่รัฐบาลนี้กลับพูดด้วยความยินดีว่ามีคนจนมาลงทะเบียน 14-15 ล้านคน ทั้งที่เมื่อต้นปีมีคนจนแค่ 11 ล้านคน แถมยังเอาตัวเลขนี้ไปหาเสียง นอกจากนี้ ประเทศยังมีปัญหาคนรวยเพียง 1 แต่ครอบครองทรัพย์สิน 66.9 % ทำให้เกิดการครอบงำ ผูกขาด เศรษฐกิจเช่นนี้ ทำให้เด็กไทย 6-8 แสนคนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา ตนอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ พบว่าวันที่ยางพาราเหลือราคา 3 กิโลกรัม 100 บาท ชาวสวนยางต้องโอดครวญว่า ครอบครัวอด รถถูกยึด ลูกต้องออกจากโรงเรีบน นี่คือปัญหาใหญ่ของรัฐบาลอำนาจนิยม

Advertisement

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องปัญหาเศรษฐกิจหลายปัญหาต้องยอมรับก่อนว่าเป็นปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ปัญหาที่หลีกหนีได้ยาก เช่น แนวโน้มที่เกิดจากเทคโนโลยีเข้ามาแทรกแทรงศก. ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความถดถอยทางการเมือง โครงสร้างสังคมที่ก้าวสู่ปัญหาสูงวัยอย่างรวดเร็ว ผู้บริหารไม่สามารถปรับแนวความคิดให้ทันกับยุคสมัย ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง และยังอยู่กับชุดความเดิมๆ คือ คิดแบบอำนาจนิยม ต้องมีศูนย์รวมอำนาจให้ภาครัฐควบคุมเป็นสำคัญ และความสงบเรียบร้อยสำคัญกว่าสิ่งใดๆ จึงไม่สอดคล้องกับความสร้างสรรค์ เพราะความคิดสร้างสรรค์ต้องการเสรีภาพ ตรงนี้สะท้อนว่า เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกัน สุดท้ายก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ ลด แลก แจก แถม ดังนั้น พรรคการเมืองต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า จะทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปจากประเทศได้ เราต้องยอมรับว่าปัญหามีอยู่จริง และมีหลักการที่ชัดเจน ถ้าเราทำได้ ก็จะทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อเป็นการแข่งขันทางความคิด สามารถนำการเลือกตั้งไปสู่ประชาธิปไตยได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ภูมิใจไทย’ ปลุก ถึงเวลาลดอำนาจรัฐ ‘อนค.’ชี้ ต้องจัดการโครงสร้างทุนใหญ่ ที่กดทับสังคม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image