“ผมไม่เอา ถ้าไม่โหวตแตกจากพรรค ผมก็จะลาป่วย” สัญญาที่ ‘สิริพงศ์’ ให้ไว้ก่อนเลือกตั้ง

มติ 500 ต่อ 244 เสียงสมาชิกรัฐสภา ในช่วงค่ำคืนเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนได้ส่งผลให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯในสมัยที่ 2 ได้อย่างไม่ยากเย็นหนัก

เสียงของพรรคร่วมพลังประชารัฐลงมติ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อย่างพร้องเพียง ไม่เว้นแม้แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยที่ไม่มี “งูเห่า” จากซีกพรรคที่ประกาศต่อต้านการสืบทอดอำนาจอย่างที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้เลย แม้แต่รายเดียว

เว้นแต่เสียงฮือฮาจาก ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ที่แหกมติพรรค ประกาศงดออกเสียงไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ กลับเป็นนายกฯอีก

อ่าน : “อนุทิน” สะอึก หลังลูกพรรคโหวตสวนมติพรรค โลกสวยมองเป็นความสวยงาม

Advertisement

อ่าน : ‘ธนาธร’ ยก ‘ส.ส.สิริพงศ์’ แหกมติพรรคภท.ไม่หนุนบิ๊กตู่ กล้าหาญที่สุดในสภา

ย้อนกลับไป “โต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นอดีตส.ส.ศรีสะเกษ พรรคชาติไทย แต่ถูกดอง 5 ปีไว้ในบ้านเลขที่ 109 เนื่องจากพรรคถูกยุบ หลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯเสียชีวิต ถือเป็นคนเลือดใหม่ เลือดแท้ชาติไทย ที่ถูกวางตัวไว้ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา คู่ใจร่วมหัวจมท้ายกับ หัวหน้าพรรคที่ชื่อ “วราวุธ ศิลปอาชา” สำหรับการเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลบังคับใช้ 

Advertisement

แต่ก็อย่างที่ทราบ เมื่อทำทีมไปได้ซักระยะใหญ่ๆกลับเกิดความเป็นเปลี่ยงภายในพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้น จนกระทั่ง “เสี่ยโต้ง” อึดอัดไปขอยื่นใบลาออกทั้งน้ำตา ก่อนที่ “เสี่ยตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จะโพสต์เฟสบุ๊กอำลาโดยที่ “ภราดร-กรวีร์” พี่น้องตระกูลปริศนานันทกุลจะตามผู้เป็นพ่อออกมา

จาก “ยังบลัด” จึงกลายเป็นกลุ่ม “ยังก่อน” ที่แผนการขึ้นบริหารของคนรุ่นใหม่มีอันต้องผับเก็บไว้ พร้อมๆกับมีสมาชิกบางส่วนไหลออกย้ายไปใต้ชายคาใหม่ ภูมิใจไทย ที่มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้า   

ในวันที่ “สิริพงศ์” ย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยมาดๆ ได้เปิดใจกับ “มติชน” ถึง 3 เหตุผลว่า ทำไมถึงต้องเป็นที่นี่ 

นั่นคือ 1.เป็นพรรคขนาดกลาง 2.เป็นพรรคที่ใกล้เคียงกับภูมิประเทศบ้านเกิดของ คือภาคอีสานตอนล่าง และ 3.ชอบความแมน ความลุย พูดไม่เก่ง แต่ทำเยอะ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นผู้ทาบทามให้เขาย้ายมาร่วมพรรคผ่านทางคุณพ่อ นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ 

ส่วนที่หลายคนคาดว่า เหตุที่ย้ายมาพรรค ภูมิใจไทย เพราะประเมินแล้วว่า มีโอกาสสูงในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตนั้น  เขารีบสวนทันทีว่า “คงไม่ล่ะครับ ถ้าอยากเป็นรัฐบาลชัวร์ๆ ผมไปลงพรรคพลังประชารัฐไม่ดีกว่าหรือ”

“ผมเติบโตในยุคที่ประชาธิปไตยเต็มใบ แต่พรรคการเมืองเสียงข้างมากในเวลานั้น บอกว่าทุกคนที่ไม่สนับสนุนพรรคถือเป็นศัตรู และจะไม่ได้รับการสนับสนุน เช่น ถูกขึ้นบัญชีรายชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ใครโหวตสวนมติพรรค จะไม่ถูกส่งลงสมัคร ขณะที่การอยู่พรรคขนาดกลาง กลับทำให้ได้เป็นตัวของตัวเอง

“ผมควรอยู่ข้างไหน ข้างที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย แต่แท้จริงเป็นเผด็จการ หรือข้างที่เป็นเผด็จการเพื่ออ้างความถูกต้อง แต่สุดท้ายตัวเองก็ทุจริต แล้วใครอยู่ข้างประชาชน ผมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้น รูปแบบใดที่เป็นเผด็จการ ทั้งเผด็จการทหารหรือเผด็จการประชาธิปไตย ผมก็ไม่นิยม” นายสิริพงศ์ ระบุ 

ถามย้ำว่า ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกมองว่าพร้อมร่วมทุกรัฐบาล หากวันหนึ่งคนส่วนใหญ่ในพรรคเห็นพ้องจะร่วมทางกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ไม่ใช่พรรคที่มีคะแนนอันดับ 1 “สิริพงศ์” ที่ออกตัวว่าศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยจะทำอย่างไร ?

“ผมไม่เอาถ้าผมไม่โหวตแตกจากพรรคผมก็ลาป่วย เพราะผมชัดเจนไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย” 

เป็นคำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำของ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ประกาศชัดและยืนยันจุดยืนมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา!

ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษฉบับเต็มได้ที่นี่ :
“สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เลือดใหม่ภท.ปั้น‘กีฬาเพื่อปากท้อง’ โดย กุลนันทน์ ยอดเพ็ชร     

เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image