‘บิ๊กป้อม’ มอบนโยบายทส. 8 ข้อหลัก- 4 ด้านเร่งด่วน ฟื้นฟูธรรมชาติ ลดปริมาณขยะ

“บิ๊กป้อม” มอบนโยบายทส. 8 ข้อหลัก และ 4 ด้านเร่งด่วน ชู 4 ด้านเร่งด่วน แก้ภัยแล้ง รักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ลดปริมาณขยะ และสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านวราวุธ ชี้แม้งาน ทส.เยอะ แต่ยังไม่คิดลาออกจาก ส.ส. เพราะทำงานไม่ขาดตกบกพร่อง

เมื่อวันที่ 10.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม ที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการของรัฐบาล และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวง พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวง ร่วมให้การต้อนรับและรับฟังแนวนโยบาย

พล.อ.ประวิตร กล่าวในที่ประชุมว่า ตามนโยบายหลักของรัฐบาลทั้ง 12 ด้าน โดยด้านที่ 10 ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้ให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ทส. ดำเนินการหลักใน 8 ข้อ คือ 1.ปกป้อง รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า อย่างจริงจัง 2.ปรับปรุงระบบที่ดินทำกิน และลดความเหลื่อมล้ำ ในการถือครองที่ดิน 3.ส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำ ทั้งระบบแหล่งน้ำชุมชน และทะเล 4.สร้างความมั่นคง ของฐานทรัพยากรแร่ และทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อการพัฒนาประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 5.แก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 6.พัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน 7.พัฒนากลไก แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 8.แก้ไขปัญหาการจัดการขยะ และของเสียอย่างเป็นระบบ

Advertisement

พล.อ.ประวิตร ยังเน้นย้ำถึงนโยบายและเรื่องเร่งด่วน ซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดำเนินการตามแผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ประกอบด้วย 6 ข้อ คือ 1.เร่งรัดการขุดเจาะบ่อบาดาล ในพื้นที่วิกฤติเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ให้กับประชาชน 2.สร้างความมั่นคงด้านน้ำ โดยยกระดับมาตรฐานประปาหมู่บ้าน ประชาชนเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดอย่างทั่วถึง 3.อนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษา แม่น้ำและคูคลอง ทั่วประเทศ 4.สนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยประยุกต์ศาสตร์พระราชา ปราชญ์ท้องถิ่น และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เข้ามาสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 5.วางแผนบริหารจัดการน้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำเสีย ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต และ 6.พัฒนาแหล่งน้ำที่มีอยู่เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนในฤดูฝนที่จะมาถึง และป้องกันปัญหาภัยแล้งในปีต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงด้านทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบด้วย 7 ข้อ ได้แก่ 1. เพิ่มพื้นที่ป่า และพื้นที่สีเขียวตามเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ชาติ 2.ขึ้นทะเบียนพื้นที่ป่าและป่าชายเลน ให้เป็นมรดกโลก 3.จัดทำแนวเขตธรรมชาติเพื่อกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างสัตว์ป่าและประชาชน 4.สำรวจและจัดที่ดินทำกิน ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าโดยการใช้กลไก คทช. 5.พิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนของกฎหมายที่ดิน เช่น พื้นที่ป่า กับพื้นที่ ส.ป.ก. เป็นต้น 6. เร่งรัดการกำหนดมาตรการ คุ้มครอง และป้องกัน การสูญเสียชีวิตของสัตว์ทะเลหายาก และ7.จัดทำแผนป้องกัน การกัดเซาะชายฝั่งทะเล อย่างยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 2 ข้อ ได้แก่ 1.แก้ไขปัญหาขยะ ขับเคลื่อนการลดพลาสติก และงดใช้โฟมอย่างจริงจัง ห้ามการนำเข้าขยะพลาสติก หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จากต่างประเทศ และ 2.ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ และพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้ง ปัญหาฝุ่นละออง (PM10 และ PM 2.5 ) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จังหวัดสระบุรี และเมืองใหญ่ต่าง ๆ

Advertisement

รองนายกฯ เผยถึงการสร้างจิตสำนึก และการมีส่วนร่วมของประชาชน ว่า ประกอบด้วย 3 ข้อ ได้แก่ 1.ส่งเสริมเครือข่าย ทสม. รสทป. และ เครือข่ายภาคประชาชนอื่น ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2.สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เพื่อร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทางประชารัฐ และ3.ปรับปรุง กฎ ระเบียบที่ล้าสมัยและเป็นปัญหาอุปสรรค ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และการพัฒนาประเทศตามแนวทางประชารัฐ

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอให้ผู้บริหารข้าราชการ และบุคลากรของทส.น้อมนำ “หลักราชการ” ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นหลักคุณธรรมและจริยธรรม ในวิชาชีพข้าราชการที่สำคัญยิ่ง ที่พึงยึดถือเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติ 10 ประการ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ตามที่ได้กล่าวมาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความยั่งยืนต่อไป และขอชื่นชมและเป็นกำลังใจ ให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากรของทส. ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติสืบไป

ด้านนายวราวุธ ให้สัมภาษณ์หลังการรับมอบนโยบายว่า พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชนภายใต้การดำเนินงานของคทช. และการดูแลความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการน้ำ การหาวิธีกักเก็บน้ำหากต้องเจอภัยแล้งในปีหน้าอีก ด้านสิ่งแวดล้อม กำชับเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และ PM10 และปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยทส.ได้ขอความอนุเคราะห์ขอให้รองนายกฯเป็นผู้ประสานงานเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้บูรณาการทำงานร่วมกัน

นายวราวุธ กล่าวถึงเรื่องขยะว่า ไม่ว่าจะเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะทั่วไป ขยะพลาสติก พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำถึงเศรษฐกิจหมุนเวียน ในการลดปริมาณขยะ และนำกลับมาใช้ใหม่ และแนวพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการทำงานให้กับประเทศชาติ

รมว.ทส. กล่าวถึงมาเรียมโปรเจ็กต์ว่า เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่จะปลุกจิตสำนึกของคนไทย และหมดเวลาที่จะมาวางแผนหรือพูดกันแล้ว แต่ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำ ให้คนไทย 70 กว่าล้านคนหันมาช่วยกันลดปริมาณขยะ

“หัวใจสำคัญที่สุด ผมขอแค่อย่างเดียว ไม่ต้องไปไกลถึงการคัดแยกขยะ แต่อยากให้ทุกคนทิ้งขยะลงถังก่อน ถ้าทุกคนทิ้งขยะลงถัง ปริมาณขยะที่จะไปจบอยู่ในแม่น้ำ ทะเล หรืออาจจะไปอยู่ในท้องของสัตว์ทะเลตัวหนึ่ง รับประกันได้ว่าขยะเหล่านั้นจะหายไปหมดแน่นอน เมื่อเราเดินมาก้าวหนึ่งแล้ว ต่อไปเราจะเริ่มคัดแยกขยะกัน หรือรีไซเคิลกัน” รมว.ทส. กล่าว

เมื่อถามว่าเหมือนกระทรวงทรัพยากรฯ จะมีการบ้านเยอะ นายวราวุธ กล่าวว่า ดีแล้ว มีการบ้านเยอะแปลว่ามีงานให้ทำเยอะ ไม่ใช่ไม่มีงาน

เมื่องานกระทรวงมีเยอะจะกระทบถึงงานสภาหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า งานหลวงอย่าให้พลาด งานราษฎร์อย่าให้เสีย ฉะนั้นทำงานได้ทุกที่

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะลาออกจาก ส.ส. ใช่หรือไม่ นายวราวุธ ตอบว่า ที่ผ่านมาก็ยังสามารถทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image