‘วิษณุ’ เอาใจช่วยกก.สมานฉันท์ อ้างผลซูเปอร์โพล ไม่รู้ม็อบมีเบื้องหลังหรือเปล่า?

‘วิษณุ’ แนะอย่าเพิ่งตัดสินกก.สมานฉันท์ไปไม่รอด ข้อมูลซูเปอร์โพลแฉม็อบ ทำให้ต้องนำมาคิดว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มราษฎร ปฏิเสธไม่เข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะมองว่าเป็นการซื้อเวลา จนดูเหมือนจะคลอดคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้ ว่า ตนไม่รู้ แต่เอาใจช่วย ถ้าคลอดไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อเราทั้งหมดพูดกันว่าเป็นอำนาจของประธานรัฐสภา ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 5 (6) ที่ระบุถึงอำนาจของประธานรัฐสภา ดังนั้น ก็อย่าไปสงสัยอะไร ขอให้ประธานรัฐสภาทำของท่านไป อีกทั้งไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ประธานรัฐสภาจะลุกขึ้นฟิตจัดมาทำเอง แต่ในสภาเองเป็นคนโยนไปให้ท่านทั้งนั้น ตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาล ตั้งแต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ลงจากบัลลังก์ไปนั่งคุยข้างล่าง ฝ่ายค้านคือ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) ส.ว.คือ นายคำนูณ สิทธิสมาน หรือแม้แต่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ด้วย ดังนั้น ประธานรัฐสภา จึงรับเอามาทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ถ้าผู้ชุมนุมไม่เอาด้วยกับคณะกรรมการชุดนี้ แล้วจะทำอย่างไรต่อ นายวิษณุกล่าวว่า “ผมคิดว่าอย่าเพิ่งไปพูดอะไรในตอนนี้ ปล่อยให้เขาพยายามทำอะไรกันอยู่ เพราะมันอาจจะได้ผลขั้นต้นก็ได้คือ ให้มีตัวบุคคลเข้ามานั่งพูดคุยกัน ส่วนจะที่ได้ผลขั้นที่สองคือ มีข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการชุดนี้ถือเป็น 2 ขั้นตอน ฉะนั้น ปล่อยให้เขาทำงาน อย่าลุกขึ้นติเรือทั้งโกลน ลุกขึ้นตีปี๊บ หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่ ซึ่งมันยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะฉะนั้น ให้เขาทำไปก่อน ถ้าลุกขึ้นแห่กัน หรือโห่กัน หรือกระหึ่มกันว่าไม่สำเร็จหรอก ถ้าผมเป็นประธานชวน ผมก็ไม่อยากทำเหมือนกัน ส่วนเรื่องโครงสร้างก็ให้สถาบันพระปกเกล้าเขาออกแบบ ซึ่งมีหลายสูตร อย่างคุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ออกมาอีกสูตรหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่ถึงอย่างไรก็มีวิธีของมัน ในโลกนี้คนที่เป็นคู่กรณีขัดแย้งกัน มีการคิดและเสนอทางออกอย่างนี้กันมาหลายสูตรแล้ว แต่บังเอิญของไทยเราไม่เหมือนกับปัญหาของอินโดนีเซียกับอาเจะห์ หรืออีกหลายปัญหา ถ้าคนสองกลุ่มขัดแย้งกัน วิธีแก้ปัญหาก็อาจจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่อันนี้จะเอาสองคนมานั่งคุยกันก็กลายเป็นว่าต้องเริ่มต้นว่าใครขัดแย้งกับใคร เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ บ่นมาก่อนหน้านี้มาตลอดว่า ท่านอยากจะเชิญมาคุย แต่ไม่รู้จะเชิญใคร เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเชิญนาย ก. แล้วนาย ข. นาย ค.ไม่มา แล้วนาย ก.ก็กลับไปพูดอะไรกับนาย ข. นาย ค.ไม่ได้ ฉะนั้น จะพูดกับคนที่อยู่เบื้องหน้าหรือคนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่รู้

“อย่างเมื่อคืนก็มีโพลของซูเปอร์โพลว่า วิเคราะห์ดูแล้วสังคมเห็นว่าแต่ละฝ่ายมีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็ต้องทำให้คิดไปใหญ่ว่า แล้วถ้าไม่เอาผู้อยู่เบื้องหลังมาคุยด้วย เอาแต่เบื้องหน้ามาแล้วจะได้อะไร ดังนั้น ต้องลงไปดูที่สาเหตุ ที่ผมพูดคือ ทฤษฎีทั้งหมด ถ้าให้ผมทำ ผมก็ทำไม่เป็น เพราะไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image