ทีม DNA แจงเหตุสลายชุมนุม #ม็อบ13กุมภา ประณามการใช้ความรุนแรงกับแพทย์อาสา จนท.รัฐมองไม่เห็นค่าความเป็นมนุษย์
จากกรณี “ราษฎร” จัดกิจกรรม “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังยุติการชุมนุมได้เกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม โดยโลกทวิตเตอร์ร่วมกันแชร์คลิปและภาพ พร้อมข้อความที่ระบุว่าทีมแพทย์อาสาโดนกระทืบบาดเจ็บสาหัส รวมถึงวิจารณ์กรณีที่ผู้ชุมนุมถูกตำรวจรุมควบคุมตัวด้วยความรุนแรงนั้น
ทำให้สถานบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างออกแถลงการณ์ประณามเหตุที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และผู้ชุมนุม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อหลักอนุสัญญาเจนีวาที่ 1 อนุสัญญาฉบับที่ 4 ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองบุคคลพลเรือนในระหว่างสงคราม หรือการขัดแยงทางกำลังทหารประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สภานักศึกษา ม.มหิดล เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐควบคุมการชุมนุมอย่างสันติวิธี
– ชมรมแพทย์ชนบท ประณาม ตร.ทำร้ายแพทย์-พยาบาลอาสากลางม็อบ 13 ก.พ.
– ‘ราษฎรโขง ชี มูล’ แถลงประณามรัฐใช้ความรุนแรงม็อบ 13 ก.พ. ขีดเส้น 7 วันปล่อยผู้ต้องหา ม.112
– พมช ประณาม จนท.ใช้ความรุนแรงม็อบ 13 กุมภาฯ ย้ำ ผิดต่ออุดมคติตำรวจไทยร้ายแรง
ล่าสุด ช่วงคืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถูกกล่าวถึงในเหตุการณ์ความรุนแรงได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1) ชี้แจงกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 21.00 น. ทั้งนี้ จะมีการไลฟ์แถลงอีกครั้ง เมื่อทีมงานได้รับการปล่อยตัว
แถลงการณ์ระบุว่า ทีม DNA เป็นทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ยึดมั่นหลักอนุสัญญาเจนีวาที่ 1 อนุสัญญาฉบับที่ 4 ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองบุคคลพลเรือนในระหว่างสงคราม หรือการขัดแยงทางกำลังทหารประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้ ดังนี้
1.การรักษาพยาบาลแก่เพื่อนและศัตรูโดยเท่าเทียมกัน 2.เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เกียรติของมนุษย์ สิทธิในครอบครัว ในการนับถือศาสนาและเกียรติ 3.ห้ามการกระทำที่ไม่มีมนุษยธรรม การทรมาน การประหารชีวิต การเนรเทศ จับตัวประกัน สวบสวนหมู่ การกระทำที่รุนแรงและทำลายทรัพย์สินส่วนตัวอย่างไม่ปรานี
เนื่องด้วยเหตุการณ์การสลายชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 13 ก.พ.64 นั้น ทาทีม DNA ขอชี้แจงรายละเอียด ดังนี้
1.หลังจากเก็บของเสร็จและถอนทีม ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นคือหนึ่งในสมาชิกของทีมท่านหนึ่งที่นำรถจักรยานยนต์มาเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของทีมได้เสีย และพยายามเข็นรถออกแนวพื้นที่ปะทะ ซึ่งขณะนั้นทางทีมได้ตั้งจุดห่างจากแนวปะทะประมาณ 100 เมตร ขณะนั้น คฝ.ได้วิ่งเข้าประชิดแนวอย่างรวดเร็ว สมาชิกท่านนั้นพยายามติดเครื่องรถจัรยานยนต์ เพื่อหลบทางให้แก่ คฝ.
และตามภาพที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ ตำรวจ คฝ.ได้โยน แก๊สน้ำตา ออกมา ทำให้สมาชิกท่านนั้นเอารถจักรยานยนต์ออกจากพื้นที่ไม่ได้ จากนั้นตำรวจ คฝ.ได้ทำการล้อมรถและเข้าจับกุม
2.สืบเนื่องจากข้อที่ 1 เมื่อสมาชิกท่านนั้นถูกจับกุม ทางทีมที่อยู่บนรถขนของเคลื่อนที่ได้ทำการหยุดรถรอให้เหตุการณ์สงบ เพื่อที่จะเจรจา โดยทางหัวหน้าทีม (พี่ผู้หญิงและพี่ผู้ชาย) ตามคลิปได้เดินเข้าไปเจรจา โดยตำรวจ คฝ.ชุดแรกปล่อยผ่านให้ทีมเข้าไปจนเกือบถึงตัวสมาชิกที่ถูกจับกุมก่อนหน้า
แต่เหตุการณ์พลิกผัน มีการประกาศผ่านลำโพงอย่างต่อเนื่องว่า “จับเลยๆ จับหมดๆ” และจากนั้นตำรวจ คฝ.ชุดที่สองได้ล้อมพี่ผู้หญิงเป็นหัวหน้าทีม และวิ่งไล่จับพี่ผู้ชายที่กำลังเดินเข้าไปตามที่ปรากฏในคลิป
3.สืบเนื่องจากข้อ 2 น้องคนที่ถูกควบคุมตัว ได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ทำการจอดรถจักรยานยนต์อยู่หน้ารถขนของเคลื่อนที่ บริเวณไฟแดงทางแยกขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าฯ เพื่อรอให้การสนับสนุนเมื่อเกิดการร้องขอ โดยตำรวจ คฝ.ชุดแรกที่วิ่งเข้าเห็นเป็นทีมแพทย์จึงปล่อยผ่าน (ตามข้อ 2 ) แต่ตำรวจ คฝ.ชุดที่ตามมาหลังจากนั้น (ชุดจับกุม สมาชิกตามข้อ 1 และหัวหน้าทีม) ได้เข้าล็อกตัวน้องอาสาสมัคร พร้อมกดลงกับพื้นและได้ทำร้ายน้อง พร้อมจับกุมตามภาพที่ได้ปรากฏออกไป
น้องสมาชิกทีมที่โดนควบคุมตัวเป็นอาสาสมัครทางการแพทย์ที่ได้มีการตรวจสอบประวัติอย่างดี ทำหน้าที่เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งจะสะพายกระเป๋าพยาบาลติดตัวตลอดเวลา ภายในจะบรรจุยาและเวชภัณฑ์สำหรับการให้การปฐมพยาบาล ซึ่งค่อนข้างหนัก และเมื่อน้องลงพื้นที่การชุมนุมทุกครั้งจะมาพร้อมกระเป๋าพยาบาลสีแดง พร้อมกับเสื้อกั๊กสีเขียวที่ด้านหลังมีตราสัญลักษณ์ของทีม DNA
ทีม DNA ได้ช่วยเหลือมวลชนประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรืออื่นใดก็ตาม อย่างเสมอภาคเท่าเทียมด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
ทั้งนี้ ทางทีม DNA ของประณามการกระทำที่ใช้ความรุนแรง เกรี้ยวกราด ขลาดเขลา และไร้ซึ่งมนุษยธรรม กับผู้ที่เป็นสมาชิกทีมแพทย์อาสาที่มีสัญลักษณ์และการแต่งกายครบถ้วน
ขอประณามการไม่มองเห็นค่าของความเป็นมนุษย์ที่ไม่เท่าเทียมกันของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อผู้ชุมนุม
และสุดท้ายจงจำไว้ว่า ทีม DNA จะยืนหยัดยึดมั่นเรื่องการดูแลรักษาพยาบาล มวลชน และประชาชนทุกภาคส่วนต่อไป
เราจะดูแลรักษากับผู้ที่กระทำต่อเราเยี่ยงสัตว์ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ เพราะเรายึดมั่นว่าสิทธิในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลคือสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน
ลงชื่อ ทีมบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร (DNA) ที่บริการด้วยใจอันเป็นมนุษย์
