‘เพื่อไทย’ ย้ำ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ต้องแก้ รธน. นักวิชาการแนะ รบ.อยู่นิ่งๆ ภาคธุรกิจพร้อมแล้ว ติดแค่ตรงนี้

‘เพื่อไทย’ ย้ำ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ต้องแก้ รธน. ชี้ ‘ประยุทธ์’ ยิ่งอยู่ ประเทศยิ่งแย่ ด้านนักวิชาการ หยัน ทางที่ รบ.จะแก้ปัญหา ศก.ได้อันดับแรกคืออยู่นิ่งๆ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่ Think Lab พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนา “วิกฤตเศรษฐกิจ หลังรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ประเทศไทยจะไปต่ออย่างไร?” โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค พท. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.ร.40 และนายวิโรจน์ อาลี นักวิชาการอิสระ

นายพิชัย กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวัง และหมดหวังเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในสภา ทั้งๆ ที่ทุกฝ่ายทราบดีว่ารัฐธรรมนูญนี้มีปัญหา รัฐบาลเองยังกำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน และ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลเป็นฝ่ายเข้าชื่อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้เอง แต่กลับคว่ำเสียเอง และยังไม่รับผิดชอบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่โดยปกติ ขนาดแค่ พ.ร.บ.ที่เสนอโดยรัฐบาลถูกตีตก รัฐบาลยังต้องลาออก

นายพิชัยกล่าวว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญนี้สำคัญกว่าการเสนอ พ.ร.บ.อย่างมาก ทำให้ประชาชนจำนวนสิ้นหวังและเบื่อหน่ายกับความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ ทั้งที่บริหารประเทศได้อย่างย่ำแย่ แต่ก็ยังพยายามจะรักษาอำนาจไว้ ทำให้ประเทศเสื่อมลงทุกวัน ประชาชนลำบากกันอย่างมากและสิ้นหวังกับผู้นำที่ตามโลกไม่ทันนี้ แต่ผู้นำกลับกล้าท้าทายว่าถ้าไม่อยากให้สืบทอดอำนาจ ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ ยิ่งตอกย้ำเหมือนต้องการทำลายความรู้สึกของประชาชนให้มากขึ้น ล็อกมาเอง แก้ไขไม่ได้ ผูกขาดให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะบริหารประเทศได้ล้มเหลวขนาดไหนก็ตาม ทิศทางของประเทศไทยมีแต่จะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ วิกฤตเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสอยู่แล้วจะยิ่งวิกฤตมากขึ้น

Advertisement

อ่านข่าว : ‘บิ๊กตู่’ ท้า ใครอยากตัดวงจรสืบทอดอำนาจ ก็แก้รัฐธรรมนูญให้ได้ก็แล้วกัน

นายพิชัยกล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยจะย่ำแย่และทรุดหนักลงไปอีกเรื่อยๆ เมื่อมีการคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ปัญหาดังนี้ 1.ประเทศไทยจะติดกับดักกับผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วตลอด 6 ปีกว่า และยังคงแสดงความล้มเหลวในการบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ โดยล่าสุดยังมีงบประมาณที่มีการกู้เงินมากกว่าการลงทุน ซึ่งเป็นหนทางแห่งความล่มสลายได้ อีกทั้งยังจัดงบประมาณปี 65 น้อยลงกว่างบประมาณ ปี 64 ถึง 5.66% ทั้งที่ประเทศต้องการการลงทุนเพื่อการพัฒนา ทั้งนี้ เพราะกลัวถูกด่าว่ากู้มากไป

Advertisement

นายพิชัยกล่าวว่า 2.การหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงานจะทำได้ยากหรือทำไม่ได้เลย ทั้งนี้ การปรับ ครม.ครั้งล่าสุดไม่ได้แก้ปัญหาประเทศแต่อย่างไร ปรับเพื่อรักษาสมดุลย์ในพรรคเท่านั้น ดังนั้น ไม่เพียงแต่เศรษฐกิจจะแย่แล้ว สังคม การเมือง ไอซีที และการศึกษา จะย่ำแย่ตามไปด้วย และ 3.ประเทศไทยหมดความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ท้าคนที่เบื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้แก้รัฐธรรมนูญให้ได้ก่อน ยิ่งแสดงให้เห็นชัดว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่ไม่สามารถเปลี่ยนผู้นำที่ล้มเหลวได้

“นอกจากนี้ยังมีการกระทำที่สวนกับประชาคมโลก ทั้งการนัดพบกับตัวแทนของเผด็จการทหารพม่าที่เป็นที่น่ารังเกียจของชาวโลกในปัจจุบันที่เข่นฆ่าประชาชนอย่างอุกอาจ โดยไม่สนใจการต่อต้านของนานาชาติ อีกทั้งยังมีการปล่อยให้มีการจัดส่งอาหารให้กับเผด็จการทหารพม่า ซึ่งเปรียบเหมือนยุทธปัจจัยเพื่อเป็นกำลังบำรุงสนับสนุนเผด็จการทหารพม่าให้เข่นฆ่าประชาชนพม่าเพิ่ม จนชนกลุ่มน้อย กองพลที่ 5 กองกำลังสหภาพแห่งชาติกระเหรี่ยง (KNU) ต้องมีแถลงการณ์ออกมาต่อต้านและประกาศจะไม่เกรงใจ

“การกระทำดังกล่าวอาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เพราะจะทำให้ประชาชนชาวพม่าที่เกลียดเผด็จการทหารพม่าอยู่แล้วจะพลอยเกลียดรัฐบาลไทยไปด้วย อีกทั้งหากมีการแซงก์ชั่นจากนานาชาติเพื่อทำโทษเผด็จการทหารพม่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อาจจะโดนไปด้วยที่ปล่อยให้มีการสนับสนุนส่งอาหารให้เผด็จการทหารพม่า นอกจากนี้ การปราบผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง และมีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) ต้องออกแถลงการณ์ประท้วงการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้ว ทำให้ภาพลักษณ์ไทยไม่ต่างจากพม่าเลย

อ่านข่าว : กะเหรี่ยงเคเอ็นยู แถลงการณ์ค้าน ‘บุคคล-กลุ่มบุคคล’ ส่งเสบียงให้ทหารพม่า ประกาศไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
‘ประยุทธ์’ รับแล้ว ข้าว 700 กระสอบ พม่าสั่งจากไทย ย้ำเป็นการค้าขายปกติ ฉุนสื่อ อย่าทำให้เป็นเรื่อง
แม่ทัพภาค 3 แจงพม่าไม่ได้ฝากทหารไทยซื้อข้าว 700 กระสอบ แค่อำนวยความสะดวกผ่าน TBC

“การหมดความน่าเชื่อถือจะส่งผลกระทบถึงการค้าการลงทุนในอนาคต ซึ่งไทยมีปัญหาอยู่แล้วจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น นี่เป็น 3 ปัญหาที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเทศจะจมปลักกับผู้นำที่ไม่มีความรู้ความสามารถและไม่ทันโลก ประเทศไทยจะเสื่อมลงเรื่อยๆ ประชาชนจะยิ่งลำบาก จะมีสภาพไม่ต่างจากพม่าในอดีตและที่กำลังจะเป็นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด เพื่อนำประเทศไทยให้กลับมาเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกได้อีกครั้งเพื่อเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาได้อย่างแท้จริง” นายพิชัยกล่าว

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมีผลในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ถ้าการเมืองมีปัญหา รัฐบาลไม่เข้มแข็ง ถามว่าเศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร ดังนั้น รัฐธรรมนูญทำให้เกิดผลดีหรือผบกระทบได้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าสืบทอดอำนาจ ผลงานก่อนเลือกตั้งก็เป็นที่ประจักษ์ว่าไร้ความสามารถทั้งการบริหารเศรษฐกิจและแก้คอร์รัปชั่น ทั้งนี้ ก่อนรัฐธรรมนูญ 60 คนจะเป็นนายกฯต้องเป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้นายก ไม่ต้องเป็น ส.ส. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เลยเขียนกติกาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ ได้สบายๆ

นายพงศ์เทพกล่าวว่า เขารู้หมดว่าจะสืบทอดอำนาจอย่างไร ทั้งนี้ เสาที่พยุงอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์คือ ส.ว.250 คนที่ คสช.เลือกมา และองค์กรอิสระที่ทำให้รัฐบาลอยู่หรือไปได้ ซึ่งที่มาก็มาจาก ส.ว.ที่ตัวเองคัดสรรมาเอง ส่วนพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หากไม่ร่วม พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะในสภา เวลาอภิปราย ต้องมีเสียงครึ่งหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ถูกโหวตไม่ไว้วางใจ หรือเวลารัฐบาลเสนอกฎหมายการเงิน หาากพรรคร่วมไม่ช่วยยกมือ กฎหมายก็ผ่านไม่ได้

นายพงศ์เทพกล่าวต่อว่า หากคนรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อแล้วประเทศไปไม่ได้ ต้องทำให้เสาค้ำยันหลุดออกไป ทั้ง ส.ว.และพรรคร่วมรัฐบาล ตนมีวิธีง่ายๆ ให้เสาค้ำยันหลุดออกไป เช่น เวลาที่กฎหมายหรือพระราชบัญญัติผ่านรัฐสภา ให้ ส.ส.เข้าชื่อกันเสนอว่ากฎหมายหรือ พ.ร.บ.นั้นๆ ตราขึ้นมิชอบ หรือมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพราะ ส.ว.194 คนมาจากกระบวนการสรรหามิชอบ ตนอยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไรถึงสถานะ ส.ว.

นายพงศ์เทพกล่าวอีกว่า ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นเสาค้ำยัน ประชาชนต้องช่วยกันบอกหัวหน้า กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทั้งของพรรค ปชป.และ ภท.ว่าอย่าค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะประชาชนทนไม่ไหวแล้ว หากช่วยกันพูดเยอะๆ ทั้งสองพรรคก็คงทนค้ำยันไม่ไหว อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ส่วนรัฐธรรมนูญที่เสนอให้แก้ไขนั้น การยกร่างแก้ไขทั้งฉบับทำให้องค์กรอิสระหวั่นไหว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ตงิดๆ เพราะกลัวว่าอาจไม่ได้อยู่ครบวาระ ส่วนโอกาสจะผลักดันให้มี ส.ส.ร.เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญก็ยากเย็นแสนเข็ญ ตอนนี้จึงยังไม่เห็นอนาคต


“พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งอยู่ ประเ
ทศยิ่งแย่ ประชาชนยิ่งลำบาก ผมไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีความสามารถทำอะไรดีๆ หรือตั้งใจทำเพื่อส่วนรวมได้ ทำแต่เพื่ออยู่ในอำนาจต่อ หากประชาชนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปแล้วพวกท่านลำบาก ก็ต้องแสดงออกเพื่อให้เสาหยุดค้ำยัน

“หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนต้องบอกให้ชัดว่าพรรคไหนที่ คสช.ตั้งมาอย่าไปเลือก พรรคไหนไปร่วมค้ำยัน คสช.ก็ไม่เลือก ส่วนพรรคไหนที่ตั้งมาเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจก็ไม่เลือก ต่อให้มี 250 ส.ว.อยู่ พล.อ.ประยุทธ์ก็กลับมาไม่ได้” นายพงศ์เทพกล่าว

ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาติในงานสถานทูตต่างๆ ได้สอบถามเขาว่ามองเราอย่างไร ญี่ปุ่นบอกว่าวันนี้เขามองการลงทุนกับเวียดนาม ทั้งที่บริษัทต่างๆ ส่วนใหญ่ในประเทศที่ผ่านมา เราทำกับญี่ปุ่น ทูตเกาหลีก็พูดเช่นเดียวกันว่ามองการลงทุนในเวียดนามเป็นหลัก

นายวิโรจน์กล่าวว่า วันนี้เวียดนามได้การลงทุนจากเกาหลีใต้มากกว่าไทยถึง 3 เท่า หลังการรัฐประหาร รัฐบาลไม่ได้พยายามหาตลาดใหม่เพื่อให้สินค้าไทยไปสู่ตลาดโลก ทั้งยังไม่มีการพัฒนาแรงงานให้มีศักยภาพเพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และไม่ได้ส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการการใช้โซเชียลมีเดีย อย่างกฎหมายต่างๆ ที่สร้างความกังวลใจต่อผู้ลงทุน หรือผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นว่าจะถูกล้วง การไม่ปรับปรุง หรือพัฒนานี้ตนคิดว่าจะทำให้เราตายจากข้างใน

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้รัฐเราไม่มีทักษะ ยุทธศาสตร์ชาติที่มีไม่ได้ช่วยบอกว่าเราจะไปข้างหน้าได้อย่างไร กำหนดแนวทางไว้ 6-7 ด้าน แต่ไม่รู้ว่าจะทำกันอย่างไร เราต้องกลับมานั่งดูว่าประเทศเราต้องการอะไร แล้วพบว่ากุญแจสำคัญคือรัฐธรรมนูญ เพราะนโยบายต่างๆ ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องมาจากกลุ่มคนที่มีความเข้าใจและมีความใกล้ชิดกับประชาชน แล้วรับเอาความต้องการของประชาชนไปขับเคลื่อน แต่วันนี้ประเทศเรากลับขับเคลื่อนโดยระบบรัฐราชการ ความต้องการของประชาชนอยู่ตรงไหน ไม่มี


“เราต้องกลับมาดูว่ารัฐยังให้ความสำคัญกับความมั่นคง มากกว่าความมั่งคั่งอยู่หรือไม่ วันนี้ทั่วโลกเน้นความมั่งคั่งกันหมดแล้ว และต้องถามคนไทยว่าคุณต้องการโตด้วยยุทธศาสตร์อะไร ต้องการพัฒนาไหม ตัวที่จะปลดล็อกทุกอย่างได้คือรัฐธรรมนูญ เรื่องความมั่นคงควรเป็นลำดับท้ายๆ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วจะแย่ไปอีก

“การจะค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่ในอำนาจต่อไปจะทำให้เขาไม่สนใจความต้องการของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจเลยว่าประชาชนต้องการอะไร และจะแข่งขันกับต่างชาติได้อย่างไร การเปลี่ยนแปลงตอนนี้จะรวดเร็วมหาศาลมาก คนยุคใหม่มีองค์ความรู้เยอะมาก อย่าบล็อกเขาไว้ แต่ต้องปล่อยให้เขาได้คิด ได้เติบโต ประเทศจึงจะไปได้

“แต่ถ้าคิดเพียงจะค้ำยันอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประเทศจะไปต่อไม่ได้ สิ่งแรกที่รัฐบาลควรทำเป็นอย่างไรในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคืออยู่นิ่งๆ เพราะวันนี้ภาคธุรกิจเขาพร้อมแล้ว แต่เขาติดขัดที่คุณ” นายวิโรจน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image