อจ.ราชภัฏร้อง ‘ชวน’ สอบจริยธรรม ส.ส.แปดริ้ว กังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม ตร.ไม่มีข้อมูลกล้องวงจรปิด

‘อาจารย์ มรภ.ราชนครินทร์’ ร้อง ‘ปธ.ชวน’ สอบจริยธรรม ‘ส.ส.แปดริ้ว’ หลังถูกทำร้ายร่างกาย ยันไม่เคยรู้จัก ส.ส.มือชก โต้ ‘ประวิตร’ ถ้าไม่รู้เรื่องอย่าออกมาพูด กังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตำรวจไม่มีข้อมูลเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 มีนาคม ที่รัฐสภา นายนพพร ขุนค้า อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ เข้ายื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่าน น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรม นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีถูกทำร้ายร่างกายที่ร้านอาหาร 13 november เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา

เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดว่าด้วย “ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ พ.ศ.2563” หมวด 2 จริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ

อ่านข่าว : อาจารย์ ม.ดังแปดริ้ว แจ้งจับ ส.ส.พปชร.ต่อยหน้า โมโหอยู่ฝ่ายตรงข้าม เลือกตั้ง อบจ.
อ.รัฐศาสตร์ เล่านาที ส.ส.แปดริ้ว พปชร. รัวหมัด-ถีบยอดอก บอก ‘กูอยากเจอมึงนานแล้ว’
อาจารย์ จ่อบุกสภา ร้อง ‘ชวน’ ฟันจริยธรรม ส.ส.แปดริ้ว ถีบยอดอก-รัวหมัดใส่

Advertisement

นายนพพรกล่าวว่า ตนมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม การกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นว่าเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ให้รู้ว่าบ้านเมืองนี้มีขื่อมีแป อยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้ทางสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับตนในฐานะผู้ถูกทำร้ายร่างกาย สร้างความกระจ่างและรักษาเกียรติภูมิของสภาผู้แทนราษฎรในสายตาของประชาชน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมในวงกว้าง ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่ามีหลักฐานอย่างเพียงพอ

ด้าน น.ส.ผ่องศรีกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายชวนให้มาเป็นผู้รับเรื่อง โดยหนังสือฉบับนี้จะได้ลงรับและไปดำเนินการตามขั้นตอนของคณะกรรมการจริยธรรม โดยจะมีการตรวจสอบข้อมูลทั้งผู้ร้องว่ามีเอกสารตามระเบียบถูกต้องหรือไม่ นอกจากนั้นจะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูล และเข้าสู่การพิจารณาอนุกรรมการ ซึ่งจะมีการตรวจสอบข้อมูล โดยเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูลเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

น.ส.ผ่องศรีกล่าวว่า เมื่อผ่านอนุกรรมการก็จะส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง หากคณะกรรมการรับเรื่องแล้วจะดำเนินการภายใน 60 วัน นับจากวันที่ทางคณะกรรมการรับเรื่อง ซึ่งทางสภาจะตรวจสอบด้วยความถูกต้อง และความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

Advertisement

นอกจากนี้ นายนพพรยังกล่าวถึงอาการบาดเจ็บด้วยว่า ยังมีอาการเจ็บที่หน้าอกจากการถูกถีบอยู่ ขอยืนยันว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายชัยวัฒน์ ทุกคนไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องนายชัยวัฒน์ ตนเจอก็ยกมือสวัสดีเพราะเป็นผู้ใหญ่ของจังหวัด ในวันเกิดเหตุไปเจอนายชัยวัฒน์ที่ร้านอาหาร ขณะนั้นกำลังไปห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

นายนพพรกล่าวว่า นายชัยวัฒน์เรียกตนไปถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ผ่านมา ว่าได้ไปช่วยหาเสียงให้ จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ อดีตผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ฉะเชิงเทรา ที่เป็นคู่แข่งพ่อของนายชัยวัฒน์ใช่หรือไม่

“ยอมรับว่าได้คิดนโยบายหาเสียงให้ แต่ไม่ได้ช่วยหาเสียง เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปช่วยใครหาเสียงไม่ได้ แต่การเมืองผ่านไปแล้ว

“ต้องยอมรับความเห็นต่างในวันเกิดเหตุ ต้องใช้สติให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไป โดยไม่มีการตอบโต้ใดๆ มีแต่พูดว่า ‘พี่ครับๆ พี่ฟังผมก่อนครับ’ ถึงจะผ่านพ้นไปได้ แต่สภาพจิตใจยังเป็นกังวล เพราะผมเป็นอาจารย์ตัวเล็กๆ ในจังหวัด เป็นคนต่างถิ่นมาสอบบรรจุได้ที่ จ.ฉะเชิงเทรา” นายนพพรกล่าว

เมื่อถามว่ากังวลเรื่องการถูกทำร้ายซ้ำอีกหรือไม่หลังจากออกมาให้ข่าว มีการถูกข่มขู่จากฝ่ายคู่กรณีอีกหรือไม่ นายนพพรกล่าวว่า ยังไม่มี แต่มีคนเป็นห่วง เชื่อว่าบ้านเมืองมีขื่อแป จะทำกันแบบไม่เคารพกฎหมายคงอยู่กันไม่ได้ เชื่อว่ากฎหมายบ้านเมืองยังใช้ได้

นายนพพรกล่าวว่า ส่วนข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิดในร้านอาหารที่เกิดเหตุนั้น ได้รับทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่าข้อมูลไม่เหลือแล้ว เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ถูกถอดออกไปเหลือแต่ตัวกล้อง คงต้องใช้พยานบุคคล เหตุการณ์ขณะนั้นร้านใกล้ปิด เปิดไฟสว่างชัดเจน คนทั้งร้านมอง แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะนายชัยวัฒน์เป็นผู้ใหญ่ในจังหวัด ไม่มีใครกล้ามาห้ามปราม ต้องใช้พยานบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกคนที่เห็นเหตุการณ์ไปสอบแล้ว รวมถึงตนด้วย

นายนพพรกล่าวต่อว่า และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ตนและนายกสมาคมทนายความไปสอบถาม ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด ทางผู้กำกับยืนยันว่าข้อมูลจากกล้องวงจรปิดอาจหาไม่เจอ ต้องใช้พยานบุคคลยืนยัน

เมื่อถามว่ามองว่าข้อมูลจากกล้องที่หายไปอาจเชื่อมโยงกับคู่กรณีหรือไม่ นายนพพรกล่าวว่า ไม่กล้าปรักปรำ แต่เป็นสิ่งที่ตั้งข้อสงสัยคือเรี่องความปลอดภัยสาธารณะในร้านอาหาร ต้องตั้งคำถามว่าชาวฉะเชิงเทรายังมีความปลอดภัยหรือไม่

“ร้านที่เกิดเหตุมีกล้องทุกมุม ผมไปประจำ คิดว่าถ้าบริเวณห้องน้ำมีกล้องอยู่จะได้ภาพชัดเจน เพราะเป็นจุดเกิดเหตุ ยอมรับว่ากังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะนายชัยวัฒน์เป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล กลัวว่าคดีจะล่าช้า อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม

“อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุนายชัยวัฒน์ยังไม่มีการติดต่อใดๆ มา ผมไม่ได้อาฆาตมาดร้าย แต่ต้องทำในฐานะประชาชนคนหนี่ง หากถูกคุกคามแล้วไม่กล้ามาร้องทุกข์ก็คิดว่าบ้านเมืองคงอยู่กันลำบาก ต้องมาร้องเรียน” นายนพพรกล่าว

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งส่วนตัว นายนพพรตอบว่า ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวต้องมีความขัดแย้งทะเลาะกันมาก่อน แต่เหตุการณ์คนไม่รู้จักกัน นายชัยวัฒน์ก็ไม่รู้จักกับตน เคยเจอกันตามงานบุญ งานบวช แต่อยู่คนละโต๊ะ ไม่เคยต่อว่าต่อเถียงอะไรกัน แต่ยอมรับว่าลูกศิษย์ตนอยู่ฝั่งนายชัยวัฒน์เป็นจำนวนมาก

อ่านข่าว : บิ๊กป้อม ชี้ เรื่องส่วนตัว “จะไปรู้ได้ยังไง” ปม ส.ส.แปดริ้ว พปชร. ซัดหน้า อ.มหา’ลัยราชภัฏ

เมื่อถามต่อว่าจะฝากอะไรถึง พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายนพพรตอบว่า กราบเรียน พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ว่าขอความเป็นธรรมจริงๆ ตนไม่ได้ไประรานนายชัยวัฒน์จนทำให้โมโห แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดถึง ถือว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิตเลย หาก พล.อ.ประวิตรยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ไม่ควรแสดงความคิดเห็นดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วนายนพพรได้เปิดเสื้อโชว์บาดแผลที่หน้าอกที่ยังมีรอยแดงอยู่ให้ผู้สื่อข่าวดู โดยระบุว่า รอยที่เกิดไม่ได้เกิดจากพระที่คล้องคอ แต่โดนถีบที่หน้าห้องน้ำร้านอาหาร 4-5 ครั้ง ขณะนี้อาการยังเจ็บอยู่ เวลาตะโกนสอนหนังสือก็ยังเจ็บอยู่ แต่ที่ชัดเจนคือแผลบริเวณใบหน้าที่ถูกชก มีปัญหาตอนเคี้ยวอาหารเหมือนช้ำใน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image