‘คนรุ่นใหม่-แนวร่วมราษฎร’ รำลึก #11ปี10เมษา แห่โพสต์ถึงคนเสื้อแดง

AFP PHOTO / NICOLAS ASFOURI

‘เพจคนรุ่นใหม่-แนวร่วมราษฎร’ รำลึก #11ปี10เมษา แห่โพสต์ถึงคนเสื้อแดง

11 ปี 10 เมษายน 2553 วันสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง โดยเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้การบัญชาการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้อำนวยการ ด้วยการอ้าง “ขอคืนพื้นที่” จากผู้ชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนมีประชาชนถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูง รวมทุกเหตุการณ์ นับตั้งแต่ 10 เมษายน มีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 2,000 คน แม้การไต่สวนบางส่วน ศาลชี้ว่ามาจากอาวุธปืนความเร็วสูง ที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ แต่คดีทั้งหลายก็ยังไม่ได้นำขึ้นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความยุติธรรม

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

วันนี้ (10 เม.ย.) วันครบรอบ 11 ปี เพจกิจกรรมคนรุ่นใหม่ แนวร่วมราษฎร ต่างร่วมอาลัยอย่างพร้อมเพรียง

เริ่มจาก เพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง “11 ปี 10 เมษา คนสั่งฆ่ายังลอยนวล” ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า

Advertisement

ร่วมรำลึกถึงเมษาเลือด 10 เมษายน 53 เหตุการณ์ที่รัฐใช้ทหารสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ด้วยอาวุธสงคราม ทำให้มีผู้บาดเจ็บในวันนั้นและเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ผู้สั่งการและผู้รับผิดชอบในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังลอยนวล

ย้อนรอยเหตุการณ์ เมษาเลือดและการสลายการชุมนุมของ นปช.

วันที่ 10 เมษายน เป็นวันแรกที่มีการบาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นจำนวนมาก หลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจใช้กำลังสลายการชุมนุมของนปช. โดยในขณะนั้นใช้คำว่า “ขอคืนพื้นที่” จากผู้ชุมนุมที่ปักหลักที่สะพานผ่านฟ้าฯ ยาวถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจุดที่มีการปะทะและเสียชีวิตมากคือ ถนนดินสอและแยกคอกวัว

Advertisement

ในบ่ายวันนั้น กระสุนนัดแรกสังหาร “นายเกรียงไกร คำน้อย” คนขับตุ๊กๆ วัย 23 ปี เขาคือผู้ชุมนุมรายแรกถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่สะพานมัฆวานฯ และเขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ต่อมามีการไต่สวนการตายของเขาว่า “กระสุนมาจากฝั่งทหาร”

16:00น. ในวันนั้น มีผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งรายจากการโปรยแก๊สน้ำตาจากเฮลิคอปเตอร์ ญาติผู้เสียชีวิตระบุว่าผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทำให้เมื่อเขาสูดดมแก๊สน้ำตาทำให้มีอาการหนาวสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในช่วงกลางดึกคืนนั้น

และในช่วงค่ำวันนั้นมีการใช้กระสุนยางและกระสุนจริงในการสลายการชุมนุมทำให้มีประชาชนเสียชีวิตในวันนั้น 20 ราย หนึ่งในนั้นมีแม้กระทั่ง นักข่าวชาวญี่ปุ่นด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 2000 คน

แต่การสลายการชุมนุมด้วยอาวุธสงครามไม่ได้มีเพียงวันที่ 10 เมษา เท่านั้น ในเดือนพฤษภาคมปี 53 รัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกก็ได้ทำการ “ปฏิบัติการกระชับวงล้อม” เข้าสลายการชุมนุมของนปช.อีกครั้ง ทำให้ทั้งสองเหตุการณ์มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 99 ราย และบาดเจ็บกว่า 2000 คน

เวลาผ่านไป 11 ปี แต่ยังไม่เคยมีผู้สั่งการสลายการชุมนุมครั้งนี้ รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น คนสั่งยิงยังลอยนวล ความยุติธรรมยังไม่คืนสู่ผู้วายชนม์

3,000 คือกระสุนสำหรับการซุ่มยิงที่กองทัพเบิกไป (2,120 คือกระสุนที่ใช้ และ 880 คือกระสุนที่ส่งคืน)
117,923 คือจำนวนนัดของกระสุนที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการสลายการชุมนุม
700,000,000 คืองบที่ตำรวจใช้กับกำลังพล 25,000 นาย
3,000,000,0000 คืองบที่ทหารใช้กับกำลังพล 67,000 นาย
1,283 คือจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
1,763 คือจำนวนคนที่ถูกจับกุมระหว่างการชุมนุมและถูกดำเนินคดี
94 คือจำนวนคนเสียชีวิต
88 คือจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ชาย
6 คือจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้หญิง
10 คือเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิต (ส่วนใหญ่เป็นทหาร ในจำนวนนี้มีตำรวจ 3 นาย)
2 คือสื่อมวลชนที่เสียชีวิต (สัญชาติญี่ปุ่นและอิตาลี)
6 คืออาสากู้ชีพ/อาสาพยาบาลที่เสียชีวิต
32 คือผู้เสียชีวิตที่โดนยิงที่ศีรษะ
12 คืออายุของผู้เสียชีวิตที่อายุน้อยที่สุด

จากหน้าปกของรายงานที่ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณี เม.ย.-พ.ค.53 หรือ ศปช.

ขอแสดงความนับถือแด่ผู้ที่สูญเสียจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”

เพจ เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง [10 เมษา: สลายชีพได้ แต่สลายอุดมการณ์ไม่ได้] โดยระบุว่า

11 ปี 10เมษา คือการสังหารหมู่ประชาชน

คือ ประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ได้ถูกชำระ

และโฉมหน้าของฆาตกรก็ยังคงลอยหน้าในสังคม ไร้ความผิดอันใด

ทุกครั้งที่วิ่งหนีแก็สน้ำตา กระสุนยาง และอาวุธอื่นๆ มากมายที่รัฐใช้สลายการชุมนุม สิ่งแรกที่ขึ้นมาในใจเสมอคือ คนเสื้อแดง

สังคมต้องใช้เวลากว่าสิบปีในการรับรู้ความจริงของคนเสื้อแดง และตื่นจากคำหลอกลวงของรัฐบาล ที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและกองทัพ

ว่าเสื้อแดงไม่ใช่ทาสใคร
ว่าเสื้อแดงไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง
ว่าเสื้อแดงไม่ได้เกี่ยวข้องกับผังล้มเจ้า
ว่าเสื้อแดงคือขบวนการประชาชนที่แข็งแกร่ง
ว่าเสื้อแดงออกมาต่อต้านรัฐประหาร
ว่าเสื้อแดงคือนักสู้แห่งประชาธิปไตย

ว่าอภิสิทธิ์สั่งใช้กระสุนจริง
ว่ารัฐบาลและกองทัพเข่นฆ่าประชาชน
ว่าคนสั่งฆ่ายังลอยนวลจนทุกวันนี้

คุณแขก คำผกา เคยกล่าวไว้ว่า “แล้วในอีก 20 ปี ข้างหน้า ลูกหลานคุณจะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วในวันนั้น ปลายกระบอกปืนจากระบอบอำมหิตที่คุณสร้างขึ้นกับมือ จะหันไปสู่ลูกหลานของคุณ”

อย่างที่เราก็ทราบกันดี ว่าไม่ต้องรอจนถึง 20 ปี เยาวชนจำนวนมากก็ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ต่างอะไรกับคนรุ่นก่อน และปลายกระบอกปืนที่ยิงคนเสื้อแดงในตอนนั้น ก็หันมาสู่เยาวชนในตอนนี้ด้วย

ชนชั้นนำไทยไม่มีทางหยุดยั้งพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ และกวี “จากดินถึงฟ้า” ของคุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ก็ได้ดังก้องในขบวนการประชาธิปไตยอีกครั้งโดยนิสิตฝ่ายซ้ายคนหนึ่ง

…คนเสื้อแดงจะบอกดิน บอกฟ้าว่า “คนอย่างข้าก็มีหัวใจ”
คนเสื้อแดงจะบอกดิน บอกฟ้าว่า “ข้าก็คือคนไทย”
คนเสื้อแดงจะถามดิน ถามฟ้าว่า “ถ้าไม่มีที่ยืนที่สมคุณค่า”
จะถามดิน ถามฟ้าว่า “จะให้ข้าหาที่ยืนเองหรืออย่างไร”
เสียงไชโยโห่ร้องของคนเสื้อแดง “จะได้ยินถึงดิน ถึงฟ้า”…

ชนชั้นนำไทยไม่เคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ว่ายิ่งทำลาย เราจะยิ่งทวีคูณ คุณรัฐประหาร คุณเจอคนเสื้อแดง คุณปราบคนเสื้อแดง คุณเจอเยาวชน คุณเข่นฆ่าคนที่ราชประสงค์ คุณเจอ #ราษฎรประสงค์

เพจ นักเรียนเลว ได้โพสต์กลอน เนื้อหาดังนี้

เลือดใครหลั่งรดรินแผ่นดินแม่
ผู้ถูกแล่เนื้อหั่นถึงชั้นไหน
เกิดสีแดงบริสุทธิ์ยิ่งสิ่งใด
ธำรงไว้ยุติธรรมนำเสรี

แด่พี่พี่ผองเพื่อนผู้กรุยทาง
อย่าอ้างว้างเปลี่ยวใจในวิถี
เลือดที่หลั่งรดรินแผ่นดินนี้
นำชีวีน้องน้อยค่อยเดินตาม

แผ่นดินแม่แม่ใครใคร่จะรู้
ฆ่าพ่อกูแม่กูอย่างเหยียดหยาม
เลือดพี่กูยังเลอะแผ่นดินทราม
ยากจะหาความงามตามคำลือ

พ่อจ๋า แม่จ๋า เหนื่อยมามากนัก
ขอจงพักให้สบายคลายยึดถือ
ลูกจะสร้างเสรีด้วยสองมือ
ให้ระบือเสียงกู่ร้องของประชา

เขาฆ่าพี่เขาฆ่าเพื่อนสะเทือนจิต
ไม่อาจฆ่าความคิดของโลกหล้า
อุดมการณ์จะสะเทือนคนบนฟ้า
ไปจนกว่าเสียงร้องจะก้องไกล

เลือดที่หลั่งลดรินแผ่นดินแม่
จะเปลี่ยนแปรไปเป็นความฝันใฝ่
เป็นความมุ่งเป็นความหวังพลังใจ
สู่เส้นชัยของคนบนผืนดิน

เป็นความมุ่งเป็นความหวังพลังใจ
สู้เส้นชัยวีรชนคนเสื้อแดง

ขอสดุดีวีรชนคนเสื้อแดงทุกท่าน ผู้บุกเบิกถางทางแห่งประชาธิปไตยในยุคสมัยอันมืดมน ขอบคุณที่ยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด พวกเราจะจดจำคนเสื้อแดงในฐานะนักสู้ตลอดไป

เพจ ฟันเฟืองธนบุรี ได้โพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า

“วันนี้เมื่อ11ปีที่แล้ว มีรัฐบาลอยู่ชุดหนึ่ง เกิดขึ้นจากการแทรกแซงของทหารที่ใฝ่ฝันอยากจะสืบทอดอำนาจ เป็นหุ่นให้ทหารมันเชิด มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายก มีการ ใช้อาวุธ สงครามในการปราบปราม พี่น้อง กลุ่มคนเสื้อแดง นปช. (แนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ที่ออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรมที่มันไม่เคยมีอยู่จริงในสังคมไทย พร้อมใส่ร้ายว่าพวกเขามีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ เป็นคนเผาบ้านเผาเมืองทำลายชาติ

มีคนเสื้อแดงเสียชีวิต ในการต่อสู้ 2 เดือนในปีนั้น 99ศพ ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ บาดเจ็บนับ 2 พันราย เวลาได้ผ่านมา 11 ปี ด้วยระบอบความยุติธรรมอันเน่าเฟะของไทย ผู้อยู่เบื้องหลังเเละคนที่สั่งฆ่าและยิงประชาชนก็ยังคงรอยนวล แล้วพวกเขาเหล่านั้นที่ต้องตายญาติพี่น้องที่ต้องสูญเสียเล่า ไม่เห็นมีใครหน้าไหนแสดงความรับผิดชอบสักคน

เมื่อ11ปีที่แล้ว พี่น้องของเราในขณะนั้น ได้ร่วมก่อตั่ง ฟันเฟืองประชาธิปไตย ขึ้นมา มีเจตนาจะให้เป็นศูนย์รวมชาวอาชีวะที่รักในประชาธิปไตยเฉกเฉ่นเหล่าวีรชน หน่วยฟันเฟืองและรามสูรในการต่อสู้ของวีรชนเดือนตุลา ได้เข้าร่วมต่อสู้เคียงข้างพี่น้องเสื้อแดง คอยผลักดันทหาร ที่พยายามจะเข้ามาล้อมปราบประชาชน ตลอดเส้นทางการต่อสู้ของพี่น้องนปช.ที่ผ่านมา ฟันเฟืองได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับพี่น้องเสื้อแดงด้วยมาโดยตลอด เราจึงรู้สึกกับพี่น้องเสื้อแดงไม่ต่างจากเพื่อนพี่น้องน้องร่วมอุดมการณ์ ที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเคียงข้างกันเสมอมา ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา ก็มีพี่น้องฟันเราต้องมาสูญเสียชีวิตลงไป เราคงไม่ต่างอะไรกับคนหัวอกเดียวกัน

จนปี 57 ได้มีการรัฐประหารอีกครั้ง พี่น้อง นปช.และพี่น้องของฟันเฟืองได้โดนคุกคามและ ตามล่าโดยคณะปฏิวัติ จนต้องกระจัดกระจาย ไปคนละทิศคนละทาง แต่มาวันนี้มีคณะราษฎร2563 ก่อกำเนิดขึ้นมา พวกเราได้กลับมารวมตัวกันอีกครั่งเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ที่พี่น้องเราที่สร้างกันมา คือปกป้องประชาธิปไตย แต่เราจะไม่ลืมการต่อสู้ที่พี่น้องเราร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงมา ให้ความหวังที่พวกเค้าไม่ต้องการให้คนรุ่นต่อไป ต่อสู้เช่นที่พี่น้องเสื้อแดงเจอเป็นจริงสักที ความหวังที่คนเสื้อแดงแบกไว้บนบ่า วันนี้มีคนรุ่นหลังมา มาร่วมช่วยให้พวกท่าน ไม่ต้องหนักจนเกินไปอีกต่อไปแล้วครับ

ฟันเฟืองขอยกย่องและขอบคุณคนเสื้อแดงทุกชีวิตที่ต่อสู้เเละเสียสละชีวิตเพื่อรักษาประชาธิปไตย”

เพจ Mob Fest ได้โพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า

“ตลอด 11 ปีที่ความยุติธรรมเลือนราง และความจริงกำลังถูกลบเลือน

แต่เราไม่ลืม

เราไม่ลืมการยืนหยัดเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
เราไม่ลืมอุดมการณ์และความตั้งใจของพี่น้องเสื้อแดง
และเรายังไม่ลืมความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อประชาชน

#10เมษา สดุดีวีรชน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image