‘เปิดไฟให้ดาว’ ร่ายกวีดนตรีปราศรัย ‘มายด์’ ชวนขัดเกลาความหวังให้แหลมคม

‘เปิดไฟให้ดาว’ ร่ายกวีดนตรีปราศรัย ‘มายด์’ ชวนขัดเกลา ‘ความหวัง’ ให้แหลมคม ขอ ปชช.เชื่อมั่น ร่วมกันส่องสว่าง ไม่หมดไฟในการสู้

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 พฤษภาคม ที่ สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรกาศการนัดหมายทำกิจกรรม “เปิดไฟให้ดาว” (LightUp Justice) โดยเครือข่าย People Go Network ซึ่งมีการร่ายรำ อ่านบทกวี บรรเลงดนตรี และปราศรัย

สำหรับกิจกรรมวันนี้ มี รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์, น.สพ.บูรณ์ อารยพล หรือ หมอบูรณ์ กลุ่มขอคืนไม่ได้ขอทาน, น.ส.พลอยวรินทร์ ชิวารักษ์ หรือ พ้อย น้องสาวของนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน และ นายสิรภพ อัตโตหิ หรือ แรปเตอร์ แกนนำกลุ่มเสรีเทยพลัส มาร่วมด้วย

ต่อมา เวลา 18.12 น. ประชาชนต่อแถวเข้ารับดาวกระดาษสีรุ้ง สำหรับใช้ในการทำกิจกรรมเปิดไฟให้ดาว เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง โดยมีการวัดอุณหภูมิ และบริการเจลล้างมือ ผู้ร่วมกิจกรรมตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เวลา 18.20 น. มีการอ่านรายชื่อผู้ต้องหา มาตรา 112 ต่อด้วยการทำกิจกรรม สนทนาปราศรัย “ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด” โดยนักวิชาการและแกนนำเยาวชน แลกเปลี่ยนมุมมองในหลายประเด็น

Advertisement

เริ่มจาก ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ตัวแทนจากเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “ส่องสว่างเสรีภาพ” หยุดขังแสงดาว

จากนั้นเวลา 18.33 น. นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “ส่องสว่างยุติธรรม” อนาคตกฏหมายและตุลาการไทย

เวลา 18.43  น. รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิต อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “ส่องสว่างสังคมไทย” เราจะไปทางไหนกัน?

Advertisement

ต่อมา เวลา 19.01 น. แก้วใส และชูเวช วงสามัญชน ขับกล่อมบทเพลงแสงดาวสายรุ้ง

อ่านข่าว : กิจกรรม “เปิดไฟให้ดาว” ‘ยิ่งชีพ’ ลั่น ประเทศนี้ต้องขับเคลื่อนด้วย ‘เสียงด่า’

โดยเวลา 19.27 น. น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ กลุ่ม ROOT กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “ส่องสว่างความหวัง” กลั่นจากใจ ความว่า “ความหวัง” อยู่ในทุกช่วงเวลา “หวังมีความสุข หวังปกป้อง และหวังเปลี่ยนบนแปลงเพื่อให้เห็นสิ่งที่ดีกว่านี้” แต่ความหวัง มักมาพร้อมความผิดหวัง เชื่อว่าเรามีความหวัง อยากเห็นการบริหารประเทศที่มีประสิทธิภาพ และมาจากการเลือกตั้งที่โปร่งใส แต่ใครพรากไปจากเรา เราน่าจะรู้ นั่นคือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพวกที่พรากความหวังของเราไป

สิ่งที่พวกเขาพยายามทำมาตลอด 7 ปี คือการพยายามมอบความผิดหวัง เขาขายฝันให้เรา ฝันลมๆ แล้งๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่เราเห็นอย่างชัดเจน คือความผิดหวังในการพยายามปูทางอยู่ในอำนาจ ให้ตนเอง และพรรคพวก ตั้งแต่การปูทางผ่านรัฐธรรมนูญ 250 ส.ว. เมื่อประยุทธ์ได้เป็นรัฐบาลอีกรอบ ก็มอบความผิดหวัง รวมถึงการแก้ปัญหาโควิดล่าช้า เห็นแต่ประโยชน์ตนและพวก

“อีกเรื่องที่เราเห็นตรงกัน คืออยากเห็นการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งพรรคพวกประยุทธ์เอง ได้ทำให้เราผิดหวังมในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ผ่านการใช้ ม.112 ในการขัดขวางไม่ให้เกิดการพูดคุย เพื่อนำไปปฏิรูป ที่แปลว่าทำให้ดีขึ้น ไม่ใช่อย่างที่ใส่ความ

การพูดคุบกันอย่างตรงไปตรงมา และแพร่หลาย จะยิ่งแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น และนำไปสู่การปฏิรูปโดยไร้ความรุนแรง แต่รัฐบาลนี้พยายามทุกวิถีทางที่จะขัดขวาง สร้างความฉงนใจอย่างใหญ่หลวง ว่าหากไม่ต้องการปฏิรูป รัฐบาลนี้ต้องการอะไร สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เรามองเห็นไปในรูปแบบอื่น คือต้องการมอบความกลัวให้ประชาชน และคิดฝัน ว่าประชาชนจะไม่ลุกขึ้นสู้ ซึ่งเขาคิดผิดมาก” น.ส.ภัสราวลีกล่าว

น.ส.ภัสราวลีกล่าวต่อว่า ทุกการต่อสู้ ความหวังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเสมอ เมื่อรัฐบาลประยุทธ์ พยายามทุกวิถีทางในการลดทอนความหวังของเรา ที่อยากเห็นประเทศดีขึ้น พยายามสร้างความกลัวให้เราสิ้นหวัง จนริบหรี่ไปทุกที

“แต่อยากให้ทุกคนมองความริบหรี่นั้น แม้ดูยากที่จะไปสู่ชัยชนะ แต่บังคับให้เราต้องแหลมคมมากขึ้น เพื่อเอาชนะความกลัวนั้นได้ จำเป็นที่จะต้องขัดเกลาความหวังให้แหลมคม คือสิ่งที่ทำให้เราไม่หมดไฟในการต่อสู้

“อยากบอกทุกคนว่า ทุกการต่อสู้ ความหวังคือแรงขับสำคัญ แม้ตอนนี้จะริบหรี่ อยากให้ทุกคนมองไปรอบตัวเรา ว่าสังคมแตกต่างจากเมื่อก่อนขนาดไหน เราได้เห็นความหวังเล็กๆ ยิบย่อยมากมาย มาในรูป การแสดงความเห็น กล้าพูดปัญหาทางการเมือง กล้าแสดงออกในการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก

เรื่องที่เราจะต้องจำให้ดี คือ ความหวังอยู่กับเราเสมอ แม้จะเป็นความหวังน้อยๆ แค่หากเรารวมตัวกันให้เป็นความหวังที่ใหญ่กว่านี้ และส่องสว่างเจิดจ้า จะนำไปสู่ชัยชนะแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่เกินเอื้อม และจะมาถึงอีกไม่นานแน่นอน” น.ส.ภัสราวลีกล่าว และว่า

อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นเข้าไว้ เพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำเขาต่างก็สู้ด้วยความหวังเหมือนคนข้างนอก ทำทุกทางเพื่อสู้ ในสภาวะเท่าที่ทำได้ เพื่อแสดงออกให้ทั่วโลกได้เห็นว่า รัฐบาลทำเลวร้าย และเหยียบย่ำหัวใจขนาดไหน เขาสู้สุดชีวิตเท่าที่จะทำได้

“เรายังมีความหวัง ที่ความเหลื่อมล้ำประเทศนี้จะลดลงไป และหวังว่าจะมีโอกาสกำหนดทิศทางประเทศนี้อย่างแท้จริง ดวงดาวที่เราได้ส่องแสงวันนี้ คือสัญลักษณ์ย้ำเตือนว่า ความหวังอยู่กับเราเสมอ และจะไม่หายไปไหน แท้จะมีใครลดทอนความหวัง แต่มันยังอยู่กับเรา ตราบเท่าที่้เราอยากให้อยู่ เมื่อใดที่มีหวัง เรากำหนดได้ และเมื่อเรายังมีหวัง ไม่มีทางผิดหวังอย่างสิ้นเชิง

นี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่จะทำให้เราอบอุ่นและมีหวังได้ สิ่งสุดท้ายที่อยากพูด ‘จงเชื่อมั่นในอำนาจของตัวเองเข้าไว้’ อย่าได้ปรามาส คิดว่าตัวเองด้อย ตัวเล็กมากเกินไป อย่าไปคิดแบบนั้น เราทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน เชื่อมั่นในอำนาจตัวเองเข้าไว้ เพราะประเทศนี้เป็นของประชาชนทุกคน” น.ส.ภัสราวลีกล่าว

ต่อมา เวลา 19.42 น. กลุ่มศิลปะปลดแอก ทำการแสดงเพอร์ฟอร์แมนซ์ อาร์ต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักแสดง 2 ราย ทำการร่ายรำเคลื่อนไหว ประกอบการอ่านบทกวี “จากเพื่อนถึงเพื่อน” โดย ปูเป้ มัช และ จา ซึ่งบทกวีนี้เขียนโดย นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ถึงรุ้งและเพื่อน ความว่า

ฟ้าชื่นค่ำคืนหนาว  ยะเยือกร้าวกระดูกไข
ลมพัด โหมตัดไอ  ละอองฝน กระเซ็นสาย
มองเดือนก็เดือนดับ  มองดาวอับ ลับแสงพราย
คืนนี้ นอนเดียวดาย  ในกรงขัง อันวังเวง

มีสู้ย่อมมีเจ็บ  และหนาวเหน็บ ในบางหน
แต่เพื่อประชาชน  ยอมทนทุกข์ อย่างทนทาน
เพื่อเกียรติภูมิมั่น  จงยิ้มหยัน อย่างอาจหาญ
แสนปืน ทั้งหมู่มาร  หรือจะสู้เพียงหนึ่งใจ

ถึงวันที่แสงส่อง อำไพผ่อง ทั่วท้องนภา
ผองคนบนผืนหล้า จะลั่นกลอง อย่างเกรียงไกร
วันนั้นคือวันพรุ่ง ย่ำเห็นรุ้ง อร่ามไกล
มวลชนจะมีชัย และเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

เวลา 19.48 น. “ประชาชน” ทำกิจกรรม ส่องไฟให้ดวงดาว ด้วยการเปิดแฟลชจากโทรศัพท์มือถือ ส่องไปยังดาวกระดาษหลากสี เพื่อสร้างความสว่างไสว ใจกลางกรุงเทพมหานคร

ก่อนยุติกิจกรรมในเวลา 19.53 น. โดยมีการเชิญชวนร่วมกันไปศาลอาญาวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.) เพื่อรอฟังคำไต่สวนประกันตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นาย แอมมี่ และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง แกนนำราษฎร ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image